วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

ทักษิณ/พม่า


วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2011 เวลา 07:37 น.      

สื่อนอกชูผีทักษิณคืนชีพ งอกในพม่า-ใช้ปูบังหน้า หวังกินรวบ'สารพัดธุรกิจ' คราวนี้จะใหญ่กว่าเดิม!!  

"สื่อนอก" แฉ "ผีทักษิณคืนชีพ" กลับมายิ่งใหญ่ในพม่าอีกครั้ง หวังกินรวบสารพัดธุรกิจ เผยเหยียบพม่าก่อนน้องสาวไปเยือน เปรียบดัง "เมล็ดพันธุ์ทักษิณได้งอกขึ้นในพม่ามาแล้วในอดีต" ชี้เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นอาจงอกอีกครั้ง โดยคราวนี้จะใหญ่กว่าเดิม

เมื่อวันอังคารที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา "สำนักข่าวรอยเตอร์" ได้เสนอบทรายงานเชิงข่าวระบุว่า อดีตนายกรัฐมนตรี "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" กำลังเข้ามามีบทบาททางการเมืองในรัฐบาลของน้องสาว "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" มากขึ้น โดยรายงานได้อ้างบทสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากนครดูไบของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งตีพิมพ์ในนสพ.บางกอกโพสต์ฉบับวันอังคารว่า อดีตผู้นำของไทยผู้นี้เปิดเผยว่า ตนได้ไปยังพม่าเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และได้พบกับประธานาธิบดี "เต็ง เส่ง" และอดีตผู้นำเผด็จการทหาร "ตาน ฉ่วย"

แม้แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณผู้หนึ่งเผยกับรอยเตอร์ว่า การเยือนดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัว และไม่มีการพบปะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง แต่นักวิเคราะห์อิสระหลายรายกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของพ.ต.ท.ทักษิณดังกล่าว อาจไม่เป็นผลดีต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นมือใหม่ทางการเมือง และกำลังพยายามจะสลัดให้พ้นเงาร่างของพี่ชาย และเสนอตนเองในภาพของผู้นำตัวจริงของประเทศไทย นอกจากนี้ยังเสี่ยงที่จะสร้างความหวั่นไหวแก่บรรดาผู้ทรงอิทธิพลในกลุ่มรอยัลลิสต์และกองทัพด้วย

"ทุกคนรู้ว่า ทักษิณคอยควบคุมรัฐบาลชุดนี้อยู่หลังฉาก แต่ไม่มีใครในรัฐบาลพูดเรื่องนี้ออกมาดังๆ"กาญจน์ ยืนยง ผู้อำนวยการของหน่วยงานคลังสมองในไทย สยาม อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (เอสไอยู) ให้ความเห็น และว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้มีบทบาทอย่างเงียบๆ ในฐานะที่ปรึกษารัฐบาลเมื่อปี 2551 แต่ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของเขาในพม่า ซึ่งดูคล้ายเป็นผู้แทนของประเทศ ซึ่งเขาได้ตกเป็นอาชญากรในทางนิตินัย อาจเป็นก้าวย่างที่เกินเลยไป "ในปีหน้า ผมคิดว่าเราจะได้เห็นทักษิณพยายามอย่างหนักขึ้นที่จะกลับมามีอำนาจ"

รอยเตอร์รายงานว่า การเยือนพม่าของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเจ้าตัวได้บอกกับบางกอกโพสต์ว่า มีเป้าหมายจะตระเตรียมล่วงหน้าให้แก่การเยือนของน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น มีลักษณะเดียวกับเมื่อครั้งที่เขาไปเยือนกัมพูชาเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ไม่กี่วันก่อนหน้าที่น้องสาววัย 44 ปีของเขาจะเดินทางถึงกรุงพนมเปญ

ด้าน "อิรวดี" สำนักข่าวออนไลน์ของกลุ่มเคลื่อนไหวประเด็นพม่า ได้เสนอบทรายงานของ Saw Yan Naing ชี้ว่า การเยือนพม่าของพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทำให้เกิดความวิตกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองอาจถูกทำให้เข้าไปพัวพันกับผลประโยชน์ทางธุรกิจของพ.ต.ท.ทักษิณอีกครั้งหนึ่ง ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต

รายงานชิ้นนี้ระบุว่า นักสังเกตการณ์บางรายได้วิจารณ์การเยือนพม่าของน.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมกับรัฐมนตรีพลังงาน "นายพิชัย นริพทะพันธุ์" และผู้บริหารของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย โดยให้ข้อสังเกตว่า แผนการที่จะเพิ่มการลงทุนในภาคพลังงานของพม่าจะรับใช้ผลประโยชน์ของวงศ์วานว่านเครือของพ.ต.ท.ทักษิณ

แหล่งข่าวทางการทูตเปิดเผยกับอิรวดีด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ไปเยือนพม่าเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมาด้วย ก่อนหน้าการเยือนพม่าครั้งแรกของน้องสาวของเขา ซึ่งเขาได้พบกับตาน ฉ่วย

นอกจากการสำรวจและพัฒนาแหล่งก๊าซบนบกและในทะเลของพม่าแล้ว ประเทศไทยยังกำลังลงทุนอย่างมหาศาลในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เมืองทวายในเขตตะนาวศรีของพม่าด้วย โครงการมูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์นี้ ประกอบด้วยท่าเรือน้ำลึก และเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยจะมีการเชื่อมโยงกับประเทศไทยผ่านการสร้างทางหลวงสายใหม่ ทางรถไฟ สายส่งไฟฟ้า และท่อส่งน้ำมันและก๊าซ แม้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการเหล่านี้หรือไม่

แต่เมื่อปี 2547 บริษัท ชินวัตรแซทเทลไลท์ ของตระกูลชินวัตร ได้ให้เช่าบริการดาวเทียมแก่บริษัทบากันไซเบอร์เทคของบุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรีขิ่น ยุ้นต์ ซึ่งทักษิณได้ถูกกล่าวหาว่าได้กดดันให้อนุมัติเงินกู้จำนวน 4,000 ล้านบาท เพื่อให้บริษัทดังกล่าวมีเงินจ่ายให้แก่บริษัทชินวัตร

ในบทรายงานอีกชิ้นหนึ่งของ Lawi Weng จากสำนักข่าวเดียวกัน ผู้เขียนรายงานอ้างบางกอกโพสต์ระบุว่า รัฐบาลไทยจะใช้โอกาสที่น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางเยือนพม่า จัดการพบหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ของพม่ากับนักลงทุนเพื่อเจรจากันในเรื่องโครงการพัฒนาพลังงานและการขนส่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองทวาย ซึ่งในช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2544-2547 นั้น ได้ "ให้ความสนใจเป็นพิเศษ" ในเรื่องการลงทุนด้านการขนส่ง พลังงาน และโทรคมนาคมในพม่า

รายงานยังอ้างคำกล่าวของ Saw Frankie นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมชาวกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นชนชาติส่วนน้อยในพื้นที่เมืองทวายด้วยว่า ยิ่งลักษณ์ดูจะพยายามทำความฝันของพี่ชายให้เป็นจริง "เมล็ดพันธุ์ของทักษิณได้งอกขึ้นในพม่ามาแล้วในอดีต เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นอาจงอกขึ้นอีกครั้ง คราวนี้จะใหญ่กว่าเดิม"

ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ฉบับวันที่ 20 ธ.ค. ผ่านทางโทรศัพท์จากดูไบว่า ยอมรับว่าการเดินทางเยือนพม่าเพื่อเข้าพบกับประธานาธิบดี "เต็ง เส่ง" และพล.อ.อาวุโสตาน ฉ่วย อดีตประธานาธิบดีพม่า เมื่อวันพฤหัสบดีสัปดาห์ก่อนเป็นการปูทางให้การเดินทางเยือนของน้องสาวเพื่อพบกับอองซาน ซูจี เลขาธิการพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของพม่า เป็นไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น

พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่า การพบหารือของทั้งผู้นำทางการเมืองของทั้ง 2 ประเทศมีนัยสำคัญและแสดงให้เห็นถึงประเด็นสำคัญ 2 ประการ ประเด็นแรกคือ การอนุญาตให้น.ส.ยิ่งลักษณ์เข้าพบกับอองซาน ซูจีนั้น แสดงให้เห็นว่า พม่าให้ความสำคัญกับไทยอย่างมาก โดยครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผู้นำของไทยเข้าพบกับซูจี ซึ่งเป็นผู้นำการเรียกร้องประชาธิปไตยของพม่า เนื่องจากก่อนหน้านี้พม่าไม่เคยอนุญาตให้ผู้นำประเทศอื่นๆ เข้าพบหารือกับซูจี เช่นนี้มาก่อน

ประเด็นที่สองคือ ประชาคมโลกจะได้เห็นว่า ไทยเป็นประเทศที่ให้การสนับสนุนและส่งเสริมประชาธิปไตยอย่างมาก ประกอบกับแสดงให้ทั่วโลกเห็นว่า พม่ามองว่าไทยเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่สำคัญที่สุดชาติหนึ่ง

"ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและพม่าไม่เคยจืดจางไปเลยนับตั้งแต่เมื่อสมัยที่ผมเป็นรัฐบาล เพราะผมไม่เคยใช้ไม้แข็งกับพม่าอย่างที่ชาติมหาอำนาจทำกัน ผมมักใช้ไม้อ่อนมากกว่า"พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว

พ.ต.ท.ทักษิณยังกล่าวอีกว่า ภายหลังการประชุมสุดยอดผู้นำ 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (จีเอ็มเอส) ไทยจะได้รับผลประโยชน์ต่างๆ มากมายจากพม่า ซึ่งรวมถึงข้อตกลงด้านพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มากขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้ เมื่อครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณยังเคยสั่งการให้รัฐมนตรีต่างประเทศช่วยเบิกทางให้พม่าได้รับเงินกู้มูลค่า 4,000 ล้านบาทจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เพื่อพม่าจะได้มีเงินทุนเพียงพอที่จะสามารถเข้าซื้ออุปกรณ์ด้านโทรคมนาคมจากอาณาจักรเทเลคอมของตน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น