
โรงแรมขึงป้าย ประท้วง แขกหนีบ้านมาร์คติดทั่วซอยวันนี้ นายกยันไม่ย้าย ไปอยู่บ้านพิษฯ รับขวัญแน่นคุก 'นร.'เหยื่อพรก.12พ.ย.53
'โรงแรมยูโร'ยังไร้เงาลูกค้า
ส่วนกรณีนายอนันต์ หะยิมะสา ผู้จัดการโรงแรมยูโร แกรนด์ โฮเต็ล ซอยสุขุมวิท 31 ตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านพักนายกรัฐมนตรีออกมาวิงวอนให้ช่วยเหลือ เพราะนักท่องเที่ยวไม่กล้าเข้าพักมาหลายเดือนแล้ว กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากมีด่านทหาร-ตำรวจพร้อมอาวุธสงครามครบมือเฝ้าอารักขาบ้านนายกฯ เต็มไปหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดบริเวณหน้าบ้านนายกฯ และถนนทุกสายที่เชื่อมถึงบ้านนายกฯ นั้น ยังคงมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร คุมเข้มตลอดทั้งวันเหมือนเช่นเดิม โดยเฉพาะบริเวณประตูทางเข้าหน้าบ้านนายกฯ ยังคงมีเจ้าหน้าที่ทหารยืนถืออาวุธปืนทาโวร์อยู่เช่นเดิม ส่วนบรรยากาศภายในโรงแรมยูโร แกรนด์ โฮเต็ล ยังคงเงียบเหงา ไม่มีนักท่องเที่ยวติดต่อเข้าพักเช่นกัน
-คนแห่ยื่นมือช่วยโรงแรม
นายอนันต์กล่าวว่า ภายหลังจากที่ข่าวสดได้มีการเสนอข่าวความเดือดร้อนของโรงแรมยูโรฯไปแล้วนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดหรือหน่วยงานใด หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ที่รักษาความสงบอยู่หน้าบ้านนายกฯ ติดต่อประสานงานยื่นมือเข้ามาให้การช่วยเหลือแม้แต่คนเดียว มีเพียงแต่พี่น้องประชาชนโทร.มาให้กำลังใจ ซึ่งมีอยู่หนึ่งรายยื่นมือเข้ามาให้การช่วยเหลือ โดยการสอบถามเรื่องของราคาค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับที่พัก และจะนำเสนอเรื่องราวความเดือดร้อนผ่านหนังสือนิวส์สคริปญี่ปุ่น เพื่อเชิญชวนคนญี่ปุ่นเข้ามาพัก เพื่อเป็นการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น
นายอนันต์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องหนึ่งติดต่อเข้ามาเพื่อขอสัมภาษณ์ ซึ่งตนก็ตอบรับไปแล้ว ทั้งนี้ หากสื่อต่างๆ ช่วยกันนำเสนอข่าวความเดือดร้อนดังกล่าวเชื่อว่านายกฯ อภิสิทธิ์อาจจะยื่นมือเข้ามาให้การช่วยเหลือในเร็วๆ นี้ ส่วนการช่วยเหลือที่ผ่านมานั้น ทั้งเรื่องการผ่อนผันการชำระค่าไฟฟ้าน้ำประปา หรือการปล่อยให้กู้เงินเอส เอ็มอี ก็เป็นเพียงการช่วยเหลือที่ปลายเหตุ ไม่ใช่ช่วยเหลือที่ต้นเหตุ เพราะต้นเหตุคือนักท่องเที่ยวกลัวมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ติดอาวุธสงครามหน้าบ้านนายกฯ
-ไม่ได้ท้าทายแต่เดือดร้อนจริงๆ
"ที่ผ่านมาโรงแรมของเรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาพักเต็มทุกวัน กระทั่งช่วงที่มีเหตุการณ์การชุมนุม นักท่องเที่ยวก็เริ่มที่จะหาย โดยเฉพาะช่วงที่มีการชุมนุมหน้าบ้านนายกฯ และหลังจากเกิดเหตุการณ์การสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พ.ค. โรงแรมของเรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 2-10 ห้องเท่านั้น จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม ไม่มีอะไรกระเตื้องขึ้นแม้แต่น้อย ตอนนี้เราเดือดร้อนมาก เราไม่ได้ต้องการไปต่อสู้ หรือไปท้าทาย กดดันนายกฯ เพียงแต่เราวิงวอนหรือขอร้องนายกฯ ช่วยยื่นมือเข้ามา ให้การช่วยเหลือเราโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นเราคงอยู่ไม่ได้นาน" นายอนันต์กล่าว
ผู้จัดการโรงแรมยูโรฯ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเราเดินทางไปยังนิคมอุตสาหกรรม เพื่อไปเสนอโปรโมชั่นพิเศษของโรงแรม หรือแม้แต่โทร.ติดต่อไปยังลูกค้าประจำ เพื่อให้เขาสนใจชักชวนนักท่องเที่ยวให้เข้ามาพักเหมือนเดิม แต่เมื่อนักท่องเที่ยวถามว่าโรงแรมอยู่ที่ไหน พอรู้ว่าอยู่ติดบ้านนายกฯ เขาปฏิเสธทันที และยื่นยันว่าไม่ไปพักแน่นอน รวมถึงคำตอบที่ว่าหากบ้านนายกฯ ไม่ย้ายไปโรงแรมก็ต้องย้าย ตอนนี้เราขายห้องพักไม่ได้เลย
-เตรียมขึงป้ายยักษ์วอนอีกครั้ง
"ดังนั้น เราจะรอการประสานมาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือแม้แต่นายกฯ จนถึงวันที่ 12 พ.ย. เวลา 18.00 น. หากไม่มาเราเตรียมมาตรการขั้นต่อไปคือการขึ้นป้ายผ้าขนาดใหญ่มีขนาดความกว้าง 1.10 เมตร ยาวขนาด 4.30 เมตร จำนวน 2 ผืน โดยผืนแรกจะติดไว้ตรงข้างโรงแรมหน้าทางเข้าลานจอดรถของโรงแรม ส่วนผืนที่สองจะติดตรงหน้าโรงแรมฝั่งตรงข้ามบ้านนายกฯ โดยเขียนข้อความว่า 'ท่านนายกครับ.......ลูกค้าไม่กล้ามา เพราะกลัว ธุรกิจเสียหายหมด' และ 'ท่านนายกครับ.....ช่วยประสานผู้มีอำนาจ เข้ามาช่วยเหลือธุรกิจตรงข้ามบ้านท่านให้รอดตายด้วยน่ะครับ' เมื่อนายกฯ เดินทางออกจากบ้านจะได้เห็นความเดือดร้อนของเราชัดๆ" นายอนันต์กล่าว และว่า นอกจากนี้เรายังจัดทำป้ายผ้าขนาดความกว้าง 60 เซนติ เมตร ยาวขนาด 1 เมตร จำนวน 10 ผืน นำไปติดไว้กับโครงเหล็ก และนำไปตั้งไว้ริมฟุตปาธ เพื่อให้คนที่สัญจรไปมาหน้าบ้านนายกฯ เห็นกันอย่างทั่วถึง และหากยังไม่มีสัญญาณอะไรตอบกลับมาเราก็เพิ่มมาตรการให้เข้มข้นขึ้นอีก เราต้องทำทุกอย่างเพื่อให้โรงแรม และพนักงานของเราอยู่รอดให้ได้
-'มาร์ค'อ้างเคยช่วยไปแล้ว
วันเดียวกัน ที่สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีโรงแรมยูโร แกรนด์ ร้องเรียน ว่า เขาเคยร้องเรียนมาก่อนหน้านี้ และเราเคยมีมาตรการที่ให้การช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ที่เคยช่วยกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง แต่เมื่อเขามีปัญหาเพิ่มตนก็ส่งให้ทางนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐ มนตรี และนางอัญชลี วานิชเทพบุตร รองเลขาธิการนายกฯ ช่วยดูแลให้ ก่อนหน้านี้เราเคยช่วยมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เขามีปัญหาเพิ่มเราก็จะมาดูให้
เมื่อถามว่า เป็นเพราะอะไรทำไมทางโรงแรมจึงร้องเรียนมาว่าไม่มีแขกมาพัก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องไปดูเขาอาจจะมีปัญหาเรื่องบางครั้งอาจมีการไปเตือนหรือเปล่า ตนไม่ทราบว่าบริเวณนี้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอยู่กันมาก แต่ความจริงเราได้ดูแลไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่เมื่อมีปัญหาเพิ่มเดี๋ยวก็จะดูแลว่ามันมีปัญหาอะไรที่คิดว่าจะช่วยเหลือได้ตามหลักเกณฑ์
-ยันไม่ย้ายไปอยู่บ้านพิษณุโลก
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร ในเมื่อทุกวันนี้ยังมีเจ้าหน้าที่จำนวนมากต้องดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนายกฯ จนทำให้ประชาชนวิตกและหวาดกลัว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ก็พูดยาก เพราะจริงๆ ธุรกิจต่างๆ ในซอย (สุขุมวิท 31) ก็มีเยอะ แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาทั้งหมดก็ต้องไปดู"
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่นายกฯ จะย้ายไปพำนักที่บ้านพิษณุโลกซึ่งเป็นบ้านรับรองแทนเพื่อให้เกิดความสะดวกกับทุกฝ่าย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สภาพปัจจุบันก็ไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่
ต่อข้อถามว่านายกฯ ได้เคยคุยกับเจ้าของโรงแรมบ้างหรือยัง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เคย ทางเจ้าของโรงแรมดังกล่าวเคยมาพูดคุยกับตน และเคยให้การช่วยเหลือกันไปตามหลักเกณฑ์ ซึ่งเขายังมาขอบคุณ แต่ต่อมาเข้าใจว่ามีปัญหาเพิ่มเติมก็ต้องไปดูตามข้อเท็จจริง
-แฉทีมรปภ.วันละ 1 กองร้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการดูแลรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีนั้น ยังคงอยู่ในชั้นสูงสุดของมาตรการ ซึ่งในการดูแลรักษาความปลอดภัยได้แบ่งเป็นส่วนของการรักษาความปลอดภัยในส่วนของสถานที่ และการรักษาความปลอดภัยในส่วนของบุคคลสำคัญ ซึ่งตามระเบียบแล้วบริเวณบ้านพักของนายกรัฐมนตรี ซึ่งตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 31 นั้นขึ้นตรงกับ สน.ทองหล่อ ซึ่งในการดูแลรักษาความปลอดภัยนั้นก็ขึ้นตรงกับบก.น.5 ซึ่งขึ้นตรงกับกองบัญชาการตำรวจ นครบาล แต่เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ กทม.ยังอยู่ภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังนั้น จึงยังไม่ชัดเจนว่าหน่วยงานของทหารหรือตำรวจที่เป็นผู้ดูแลโดยตรง แต่ในทางปฏิบัติปัจจุบันแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ของตัวเองเข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งมีทั้งตำรวจ ทหาร โดยแต่ละวันมีไม่น้อยกว่า 1 กองร้อย และส่วนใหญ่ต่างสวมเสื้อชุดดำ สวมแว่นตาดำ เมื่อออกปฏิบัติหน้าที่ก็จะทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความสับสน และหวั่นวิตกเนื่องจากไม่ชัดเจนว่าตกลงเป็นฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมือง หรือฝ่ายก่อความไม่สงบกันแน่ อีกทั้งในยามค่ำคืนหรือช่วงเข้า-ออกจากบ้านพักของนายกฯ และบุคคลในบ้าน เจ้าหน้าที่ก็จะดูแลรักษาความปลอดภัยเข้มงวด และบางครั้งก็ติดอาวุธครบมือด้วย
-มีมากจนจนท.เองก็ยังสับสน
"แม้แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ด้วยกันเอง บางครั้งก็ยังไม่รู้เลยว่าใครมาจากหน่วยไหนกันบ้าง เพราะต่างก็ไม่รู้จักกันมาก่อน อีกทั้งก็ยอมรับว่าการประสานงานบางครั้งยังไม่ชัดเจนเพียงพอ ต่างฝ่ายต่างฟังเฉพาะคำสั่งจากหน่วยงานต้นสังกัดตัวเองเท่านั้น" แหล่งข่าวจาก รปภ.ระบุ
ทั้งนี้ ในส่วนของหน่วยรักษาความปลอด ภัยบุคคลนั้น ในการดูแลรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีมีการส่งเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานเข้ามาดูแล ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ทหารจาก ร.21 หน่วยทหารจากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (สห.ทบ.) หน่วยอากาศโยธิน หน่วยรบพิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ตำรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นนายเวรใกล้ชิด
-ทบ.กำชับชุดรปภ.ให้ระวัง
แหล่งข่าวกองทัพเปิดเผยว่า ทีมรักษาความปลอดภัยให้กับนายกฯ อภิสิทธิ์ ในส่วนที่เป็นทหาร ปัจจุบันกองทัพได้ส่งทหารจากหน่วยกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ หรือ ร.21 รอ. ทหารเสือราชินี จำนวน 2 ชุด ชุดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) และทหารจากหน่วยอากาศโยธิน ของกองทัพอากาศ ชุดละไม่เกิน 10 นาย โดยเป็นชุดส่วนล่วงหน้าจำนวนหนึ่ง และชุดอารักขาติดตามรักษาความปลอด ภัย โดยทหารทั้งหมดจะไม่สวมเครื่องแบบ ทำงานด้วยการใส่ชุดนอกเครื่องแบบ เช่น แจ๊ก เกตสูท หรือสูทสีดำ ส่วนทหารที่เฝ้ารักษาความปลอดภัยที่บ้านจะใช้ชุดสารวัตรทหารบก (พัน.สห.11) จำนวน 12 นาย
แหล่งข่าวแจ้งว่า กรณีที่โรงแรมยูโร แกรนด์ร้องเรียนนั้น ทางทหารที่เข้าไปดูแลรักษาความปลอดภัยทุกคนรู้จักหน้าที่ของตนเอง คิดว่าไม่มีการไปยืนรอบโรงแรม เพื่อให้เขาเกิดความเดือดร้อนแน่ แต่เมื่อมีข่าวเกิดขึ้นก็จะกำชับทหารที่ไปทำหน้าที่ให้ระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนของทุกฝ่าย เราก็เข้าใจเพราะต่างคนต่างทำหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ทางโรงแรมอาจประสานหัวหน้าชุดของทหาร ตำรวจที่ทำหน้าที่ก็ได้ ดีกว่าไปร้องหนังสือพิมพ์ให้เกิด
เป็นข่าว
'โรงแรมยูโร'ยังไร้เงาลูกค้า
ส่วนกรณีนายอนันต์ หะยิมะสา ผู้จัดการโรงแรมยูโร แกรนด์ โฮเต็ล ซอยสุขุมวิท 31 ตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านพักนายกรัฐมนตรีออกมาวิงวอนให้ช่วยเหลือ เพราะนักท่องเที่ยวไม่กล้าเข้าพักมาหลายเดือนแล้ว กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากมีด่านทหาร-ตำรวจพร้อมอาวุธสงครามครบมือเฝ้าอารักขาบ้านนายกฯ เต็มไปหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดบริเวณหน้าบ้านนายกฯ และถนนทุกสายที่เชื่อมถึงบ้านนายกฯ นั้น ยังคงมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร คุมเข้มตลอดทั้งวันเหมือนเช่นเดิม โดยเฉพาะบริเวณประตูทางเข้าหน้าบ้านนายกฯ ยังคงมีเจ้าหน้าที่ทหารยืนถืออาวุธปืนทาโวร์อยู่เช่นเดิม ส่วนบรรยากาศภายในโรงแรมยูโร แกรนด์ โฮเต็ล ยังคงเงียบเหงา ไม่มีนักท่องเที่ยวติดต่อเข้าพักเช่นกัน
-คนแห่ยื่นมือช่วยโรงแรม
นายอนันต์กล่าวว่า ภายหลังจากที่ข่าวสดได้มีการเสนอข่าวความเดือดร้อนของโรงแรมยูโรฯไปแล้วนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดหรือหน่วยงานใด หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ที่รักษาความสงบอยู่หน้าบ้านนายกฯ ติดต่อประสานงานยื่นมือเข้ามาให้การช่วยเหลือแม้แต่คนเดียว มีเพียงแต่พี่น้องประชาชนโทร.มาให้กำลังใจ ซึ่งมีอยู่หนึ่งรายยื่นมือเข้ามาให้การช่วยเหลือ โดยการสอบถามเรื่องของราคาค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับที่พัก และจะนำเสนอเรื่องราวความเดือดร้อนผ่านหนังสือนิวส์สคริปญี่ปุ่น เพื่อเชิญชวนคนญี่ปุ่นเข้ามาพัก เพื่อเป็นการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น
นายอนันต์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องหนึ่งติดต่อเข้ามาเพื่อขอสัมภาษณ์ ซึ่งตนก็ตอบรับไปแล้ว ทั้งนี้ หากสื่อต่างๆ ช่วยกันนำเสนอข่าวความเดือดร้อนดังกล่าวเชื่อว่านายกฯ อภิสิทธิ์อาจจะยื่นมือเข้ามาให้การช่วยเหลือในเร็วๆ นี้ ส่วนการช่วยเหลือที่ผ่านมานั้น ทั้งเรื่องการผ่อนผันการชำระค่าไฟฟ้าน้ำประปา หรือการปล่อยให้กู้เงินเอส เอ็มอี ก็เป็นเพียงการช่วยเหลือที่ปลายเหตุ ไม่ใช่ช่วยเหลือที่ต้นเหตุ เพราะต้นเหตุคือนักท่องเที่ยวกลัวมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ติดอาวุธสงครามหน้าบ้านนายกฯ
-ไม่ได้ท้าทายแต่เดือดร้อนจริงๆ
"ที่ผ่านมาโรงแรมของเรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาพักเต็มทุกวัน กระทั่งช่วงที่มีเหตุการณ์การชุมนุม นักท่องเที่ยวก็เริ่มที่จะหาย โดยเฉพาะช่วงที่มีการชุมนุมหน้าบ้านนายกฯ และหลังจากเกิดเหตุการณ์การสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พ.ค. โรงแรมของเรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 2-10 ห้องเท่านั้น จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม ไม่มีอะไรกระเตื้องขึ้นแม้แต่น้อย ตอนนี้เราเดือดร้อนมาก เราไม่ได้ต้องการไปต่อสู้ หรือไปท้าทาย กดดันนายกฯ เพียงแต่เราวิงวอนหรือขอร้องนายกฯ ช่วยยื่นมือเข้ามา ให้การช่วยเหลือเราโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นเราคงอยู่ไม่ได้นาน" นายอนันต์กล่าว
ผู้จัดการโรงแรมยูโรฯ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเราเดินทางไปยังนิคมอุตสาหกรรม เพื่อไปเสนอโปรโมชั่นพิเศษของโรงแรม หรือแม้แต่โทร.ติดต่อไปยังลูกค้าประจำ เพื่อให้เขาสนใจชักชวนนักท่องเที่ยวให้เข้ามาพักเหมือนเดิม แต่เมื่อนักท่องเที่ยวถามว่าโรงแรมอยู่ที่ไหน พอรู้ว่าอยู่ติดบ้านนายกฯ เขาปฏิเสธทันที และยื่นยันว่าไม่ไปพักแน่นอน รวมถึงคำตอบที่ว่าหากบ้านนายกฯ ไม่ย้ายไปโรงแรมก็ต้องย้าย ตอนนี้เราขายห้องพักไม่ได้เลย
-เตรียมขึงป้ายยักษ์วอนอีกครั้ง
"ดังนั้น เราจะรอการประสานมาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือแม้แต่นายกฯ จนถึงวันที่ 12 พ.ย. เวลา 18.00 น. หากไม่มาเราเตรียมมาตรการขั้นต่อไปคือการขึ้นป้ายผ้าขนาดใหญ่มีขนาดความกว้าง 1.10 เมตร ยาวขนาด 4.30 เมตร จำนวน 2 ผืน โดยผืนแรกจะติดไว้ตรงข้างโรงแรมหน้าทางเข้าลานจอดรถของโรงแรม ส่วนผืนที่สองจะติดตรงหน้าโรงแรมฝั่งตรงข้ามบ้านนายกฯ โดยเขียนข้อความว่า 'ท่านนายกครับ.......ลูกค้าไม่กล้ามา เพราะกลัว ธุรกิจเสียหายหมด' และ 'ท่านนายกครับ.....ช่วยประสานผู้มีอำนาจ เข้ามาช่วยเหลือธุรกิจตรงข้ามบ้านท่านให้รอดตายด้วยน่ะครับ' เมื่อนายกฯ เดินทางออกจากบ้านจะได้เห็นความเดือดร้อนของเราชัดๆ" นายอนันต์กล่าว และว่า นอกจากนี้เรายังจัดทำป้ายผ้าขนาดความกว้าง 60 เซนติ เมตร ยาวขนาด 1 เมตร จำนวน 10 ผืน นำไปติดไว้กับโครงเหล็ก และนำไปตั้งไว้ริมฟุตปาธ เพื่อให้คนที่สัญจรไปมาหน้าบ้านนายกฯ เห็นกันอย่างทั่วถึง และหากยังไม่มีสัญญาณอะไรตอบกลับมาเราก็เพิ่มมาตรการให้เข้มข้นขึ้นอีก เราต้องทำทุกอย่างเพื่อให้โรงแรม และพนักงานของเราอยู่รอดให้ได้
-'มาร์ค'อ้างเคยช่วยไปแล้ว
วันเดียวกัน ที่สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีโรงแรมยูโร แกรนด์ ร้องเรียน ว่า เขาเคยร้องเรียนมาก่อนหน้านี้ และเราเคยมีมาตรการที่ให้การช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ที่เคยช่วยกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง แต่เมื่อเขามีปัญหาเพิ่มตนก็ส่งให้ทางนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐ มนตรี และนางอัญชลี วานิชเทพบุตร รองเลขาธิการนายกฯ ช่วยดูแลให้ ก่อนหน้านี้เราเคยช่วยมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เขามีปัญหาเพิ่มเราก็จะมาดูให้
เมื่อถามว่า เป็นเพราะอะไรทำไมทางโรงแรมจึงร้องเรียนมาว่าไม่มีแขกมาพัก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องไปดูเขาอาจจะมีปัญหาเรื่องบางครั้งอาจมีการไปเตือนหรือเปล่า ตนไม่ทราบว่าบริเวณนี้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอยู่กันมาก แต่ความจริงเราได้ดูแลไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่เมื่อมีปัญหาเพิ่มเดี๋ยวก็จะดูแลว่ามันมีปัญหาอะไรที่คิดว่าจะช่วยเหลือได้ตามหลักเกณฑ์
-ยันไม่ย้ายไปอยู่บ้านพิษณุโลก
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร ในเมื่อทุกวันนี้ยังมีเจ้าหน้าที่จำนวนมากต้องดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนายกฯ จนทำให้ประชาชนวิตกและหวาดกลัว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ก็พูดยาก เพราะจริงๆ ธุรกิจต่างๆ ในซอย (สุขุมวิท 31) ก็มีเยอะ แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาทั้งหมดก็ต้องไปดู"
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่นายกฯ จะย้ายไปพำนักที่บ้านพิษณุโลกซึ่งเป็นบ้านรับรองแทนเพื่อให้เกิดความสะดวกกับทุกฝ่าย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สภาพปัจจุบันก็ไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่
ต่อข้อถามว่านายกฯ ได้เคยคุยกับเจ้าของโรงแรมบ้างหรือยัง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เคย ทางเจ้าของโรงแรมดังกล่าวเคยมาพูดคุยกับตน และเคยให้การช่วยเหลือกันไปตามหลักเกณฑ์ ซึ่งเขายังมาขอบคุณ แต่ต่อมาเข้าใจว่ามีปัญหาเพิ่มเติมก็ต้องไปดูตามข้อเท็จจริง
-แฉทีมรปภ.วันละ 1 กองร้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการดูแลรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีนั้น ยังคงอยู่ในชั้นสูงสุดของมาตรการ ซึ่งในการดูแลรักษาความปลอดภัยได้แบ่งเป็นส่วนของการรักษาความปลอดภัยในส่วนของสถานที่ และการรักษาความปลอดภัยในส่วนของบุคคลสำคัญ ซึ่งตามระเบียบแล้วบริเวณบ้านพักของนายกรัฐมนตรี ซึ่งตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 31 นั้นขึ้นตรงกับ สน.ทองหล่อ ซึ่งในการดูแลรักษาความปลอดภัยนั้นก็ขึ้นตรงกับบก.น.5 ซึ่งขึ้นตรงกับกองบัญชาการตำรวจ นครบาล แต่เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ กทม.ยังอยู่ภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังนั้น จึงยังไม่ชัดเจนว่าหน่วยงานของทหารหรือตำรวจที่เป็นผู้ดูแลโดยตรง แต่ในทางปฏิบัติปัจจุบันแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ของตัวเองเข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งมีทั้งตำรวจ ทหาร โดยแต่ละวันมีไม่น้อยกว่า 1 กองร้อย และส่วนใหญ่ต่างสวมเสื้อชุดดำ สวมแว่นตาดำ เมื่อออกปฏิบัติหน้าที่ก็จะทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความสับสน และหวั่นวิตกเนื่องจากไม่ชัดเจนว่าตกลงเป็นฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมือง หรือฝ่ายก่อความไม่สงบกันแน่ อีกทั้งในยามค่ำคืนหรือช่วงเข้า-ออกจากบ้านพักของนายกฯ และบุคคลในบ้าน เจ้าหน้าที่ก็จะดูแลรักษาความปลอดภัยเข้มงวด และบางครั้งก็ติดอาวุธครบมือด้วย
-มีมากจนจนท.เองก็ยังสับสน
"แม้แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ด้วยกันเอง บางครั้งก็ยังไม่รู้เลยว่าใครมาจากหน่วยไหนกันบ้าง เพราะต่างก็ไม่รู้จักกันมาก่อน อีกทั้งก็ยอมรับว่าการประสานงานบางครั้งยังไม่ชัดเจนเพียงพอ ต่างฝ่ายต่างฟังเฉพาะคำสั่งจากหน่วยงานต้นสังกัดตัวเองเท่านั้น" แหล่งข่าวจาก รปภ.ระบุ
ทั้งนี้ ในส่วนของหน่วยรักษาความปลอด ภัยบุคคลนั้น ในการดูแลรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีมีการส่งเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานเข้ามาดูแล ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ทหารจาก ร.21 หน่วยทหารจากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (สห.ทบ.) หน่วยอากาศโยธิน หน่วยรบพิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ตำรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นนายเวรใกล้ชิด
-ทบ.กำชับชุดรปภ.ให้ระวัง
แหล่งข่าวกองทัพเปิดเผยว่า ทีมรักษาความปลอดภัยให้กับนายกฯ อภิสิทธิ์ ในส่วนที่เป็นทหาร ปัจจุบันกองทัพได้ส่งทหารจากหน่วยกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ หรือ ร.21 รอ. ทหารเสือราชินี จำนวน 2 ชุด ชุดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) และทหารจากหน่วยอากาศโยธิน ของกองทัพอากาศ ชุดละไม่เกิน 10 นาย โดยเป็นชุดส่วนล่วงหน้าจำนวนหนึ่ง และชุดอารักขาติดตามรักษาความปลอด ภัย โดยทหารทั้งหมดจะไม่สวมเครื่องแบบ ทำงานด้วยการใส่ชุดนอกเครื่องแบบ เช่น แจ๊ก เกตสูท หรือสูทสีดำ ส่วนทหารที่เฝ้ารักษาความปลอดภัยที่บ้านจะใช้ชุดสารวัตรทหารบก (พัน.สห.11) จำนวน 12 นาย
แหล่งข่าวแจ้งว่า กรณีที่โรงแรมยูโร แกรนด์ร้องเรียนนั้น ทางทหารที่เข้าไปดูแลรักษาความปลอดภัยทุกคนรู้จักหน้าที่ของตนเอง คิดว่าไม่มีการไปยืนรอบโรงแรม เพื่อให้เขาเกิดความเดือดร้อนแน่ แต่เมื่อมีข่าวเกิดขึ้นก็จะกำชับทหารที่ไปทำหน้าที่ให้ระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนของทุกฝ่าย เราก็เข้าใจเพราะต่างคนต่างทำหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ทางโรงแรมอาจประสานหัวหน้าชุดของทหาร ตำรวจที่ทำหน้าที่ก็ได้ ดีกว่าไปร้องหนังสือพิมพ์ให้เกิด
เป็นข่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น