วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

“ประยุทธ์” เตือนครั้งที่ 1 เสื้อแดง-ล้มเจ้าหยุดสร้างสถานการณ์ป่วน !!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

8 พฤศจิกายน 2553 23:49 น.

ผ่าประเด็นร้อน

อาจเป็นเพราะเกิดอาการหวั่นไหวจากคำพูดแข็งกร้าวออกมาแบบชัดถ้อยชัดคำภายใต้บุคลิกชายชาติทหารของ ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เตือนพวก “ขบวนการล้มเจ้า” ว่าให้หยุดเคลื่อนไหวไม่เช่นนั้นจะถูกจัดการตามกฏหมายขั้นเด็ดขาด รวมไปถึงที่ผ่านมาในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่สั่งห้ามไม่ให้แกนนำเสื้อแดงชุมนุมในช่วงที่เลขาธิการสหประชาชาติ บัน คีมูน เยือนประเทศไทย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

จากนั้นก็เริ่มมีการดำเนินคดีกับบุคคลที่จาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันเบื้องสูงอย่างต่อเนื่อง บางคนที่ถูกออกหมายจับในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่ลอยนวลมานานเป็นปี แต่ล่าสุดก็ถูกจับกุมดำเนินคดี เช่น กรณีของ สุชาติ นาคบางไทร เป็นต้น รวมไปถึงการ “กระชับพื้นที่” ไล่ล่าแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย เช่น “ไอ้กี้ร์” อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง พายัพ ปั้นเกตุ และ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีการตรวจค้นจับกุมวิทยุชุมชนที่ผิดกฎหมาย ออกอากาศปลุกระดมให้เกิดความขัดแย้งหลายแห่งในหลายจังหวัด ขณะที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ก็มีการไล่ปิดเว็บไซต์ที่ให้ร้ายสถาบันอีกจำนวนมาก

ทั้งคำพูดรวมไปถึงมีการดำเนินการตามกฎหมายที่ตามมา แม้ว่านาทียังไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าเกี่ยวข้องโยงใยกันหรือไม่ แต่ก็บังเอิญว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาไล่หลังกันมาติดๆ พอดี

อย่างไรก็ดีถือว่าเป็นภาพของนายทหารในฐานะผู้บัญชาการทหารบกที่มีภารกิจหลักอีกอย่างหนึ่งก็คือพิทักษ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และในฐานะทหารที่เติบโตในสายของ “ทหารเสือราชินี” ซึ่งจากท่าทีและบทบาทดังกล่าวของเขาทำให้ได้รับเสียงชื่นชมไม่น้อย

ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งกลับสร้างผลสั่นสะเทือนกับเครือข่ายล้มเจ้าทั้งขบวน เพราะการเคลื่อนไหวทำได้ลำบากมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ซึ่งในที่นี้ก็ย่อมหมายรวมถึง ทักษิณ ชินวัตร ที่ถือว่าเป็นระดับหัวหน้าขบวนการไล่เรียงลงมาจนถึงระดับปลายแถวในระดับแกนนำคนเสื้อแดง ฯลฯ เพราะในความเป็นจริงคนเหล่านี้ล้วนเป็นเครือข่ายเดียวกัน เคลื่อนไหวเป็นเนื้อเดียวกันมานาน ทั้งในและนอกสภา บนดินและใต้ดิน ด้วยอาการสั่นไหวดังกล่าวจึงจำเป็นอยู่เองที่จะต้องมีรายการ “ตีปลาหน้าไซ” หรือ “ดักคอ” เอาไว้ก่อน โดยเฉพาะการปลุกกระแสปฏิวัติขึ้นมา ทางหนึ่งก็เพื่อสร้างเงื่อนไขในการสร้างกระแสมวลชนขึ้นในช่วงที่กำลังมีการเคลื่อนไหวในเดือนพฤศจิกายนต่อเนื่องไปจนถึงธันวาคมและปีใหม่ โดยภาพที่ปรากฏในเวลานี้ก็คือพรรคเพื่อไทย นำโดย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ พร้อมด้วยแกนนำเสื้อแดงกำลังเดินสายปราศรัยโจมตีรัฐบาลในภาคอีสาน

ที่น่าสนใจก็คือ การปราศรัยของ จตุพร พรหมพันธุ์ ที่ระบุว่า ทหารจะก่อการรัฐประหาร !! น่าสนใจตรงที่ว่า ได้รับการตอบโต้อย่างทันควันจากผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในลักษณะรู้ทันพร้อมเตือนสวนกลับไปในทำนองให้ “หยุดสร้างสถานการณ์ป่วน เพื่อใส่ร้ายเจ้าหน้าที่” หรือให้หยุดพฤติกรรมสร้างสถานการณ์แล้วโยนความผิดให้ตัวเขาในทำนองว่าต้องการ “อำนาจ” อะไรประมาณนั้น เป็นลักษณะของการดักทางเอาไว้ล่วงหน้าเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกันยังตอบโต้กลับไปอย่างทันควันว่ายังมี “บางกลุ่ม” ที่ไม่ต้องการบ้านเมืองสงบ

คำพูดของผู้บัญชาการทหารบกที่ออกมาครั้งนี้ บังเอิญว่าไปสอดคล้องกับข่าวจากฝ่ายความมั่นคงว่าความเคลื่อนไหวที่ก่อเหตุวุ่นวายในช่วงเดือนพฤศจิกายนต่อเนื่องไปจนถึงปีใหม่ดังกล่าว ตามที่ฝ่ายความมั่นคงได้ออกมาให้ข้อมูลก่อนหน้านี้

ถ้าให้สรุปภาพรวมจากการเคลื่อนไหวของและท่าทีของแต่ละฝ่าย เริ่มจากเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร ก่อนต้องยอมรับว่าหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ มาเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้การเคลื่อนไหวของแกนคนเสื้อแดงสะดุดลงไม่น้อย ซึ่งคนเสื้อแดงในที่นี้ยังหมายรวมถึง “ขบวนการล้มเจ้า” ที่เป็นเนื้อเดียวกันมานานอีกด้วย

ขณะที่ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ถือว่าเป็นการเตือนอย่างตรงๆ เข้มๆ ไปถึงกลุ่มที่ต้องการสร้างสถานการณ์ป่วนในบ้านเมืองแล้วโยนความผิดให้ทหาร และการปลุกกระแสปฏิวัติขึ้นมาเพื่อให้ภาพของกองทัพดูติดลบ แต่อีกด้านหนึ่งนี่คือการรู้ทันจึงต้องรีบบล็อกเอาไว้ก่อน และแน่นอนว่าความหมายคงไม่ใช่ต้องการสื่อไปถึง จตุพร พรหมพันธุ์เป็นแน่ เพราะในความเป็นจริงถือว่าปลายแถวและไร้ราคาเกินไป แต่ต้องการสื่อไปให้ไกลกว่านั้น ทั้งหัวหน้าขบวนการล้มเจ้าและ “ทหารแก่โรคจิต”บางคนมากกว่า

ดังนั้นเมื่อเริ่มขยับเข้ามาอีกรอบ ขณะที่อีกฝ่ายก็รู้ทันและเตรียมตอบโต้แบบทันควัน ทำให้เชื่อว่าในเกมใต้ดินจะต้องโรมรันพันตูกันอย่างถึงพริกถึงขิงแน่นอน !!

----------------------

ผบ.ทอ.ยันไม่ได้สั่งพักราชการ "น.ต.ชนินทร์"เผยไม่รู้เป็นลูกน้องใคร คนเพชรสงสัยเป็นหลานกำนันช้อง

11พ.ย.53

ผบ.ทอ. ยันไม่ได้สั่งพักราชการ "น.ต.ชนินทร์"เผยไม่รู้เป็นลูกน้องใคร คนเพชรสงสัยเป็นหลานกำนันช้อง คล้ายคลึง เครือญาติ"ราชศักดิ์"

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ น.ต.ชนินทร์ คล้ายคลึง หัวหน้าฝ่ายช่าง หัวหน้าฝ่ายกรมช่างทหารอากาศโพสท์ข้อความหมิ่นสถาบันว่า หากทำผิดต้องดำเนินการตามกฎหมาย และได้เคยเน้นย้ำผู้บัญชาการเหล่าทัพในการประชุมสภากลาโหมไปแล้วว่า อย่าให้กำลังพลโพสท์ข้อความหมิ่นสถาบัน ซึ่งทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนนายทหารคนดังกล่าวต้องถูกลงโทษตามระเบียบวินัยของทหารอากาศ


พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวว่า รายละเอียดกำลังสอบสวนอยู่ ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนด้านวินัย ส่วนความผิดทางด้านกฎหมายเป็นหน้าที่ของตำรวจจะดำเนินการ เมื่อถามว่าการโพสท์ข้อความดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเป็นกระบวนการ พล.อ.อ.อิทธพรกล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้ เพราะอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน ตอนนี้ยังไม่ทราบว่า น.ต.ชนินทร์เป็นลูกน้องใคร ต้องรอการตรวจสอบก่อน


ผู้สื่อข่าวถามถึงโทษสูงสุดของการหมิ่นสถาบัน พล.อ.อ.อิทธพรกล่าวว่า อยู่ที่เข้าข่ายความผิดข้อใด หากเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือ พ.ร.บ.ว่าความผิดทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งตำรวจกำลังดำเนินการอยู่หากตำรวจต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มเติม ทางกองทัพอากาศให้ความร่วมมือเต็มที่ โดย น.ต.ชนินทร์ต้องไปแก้ข้อกล่าวหาเอง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้สั่งพักราชการหรือกักบริเวณ น.ต.ชนินทร์แต่อย่างใด เพราะอยู่ในการขั้นตอน ผู้สื่อข่าว มติชนออนไลน์ ว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเฟซบุ๊คของ น.ต.ชนินทร์ ถูกปิดไปเรียบร้อย ในขณะที่เครือข่ายสังคมออนไลน์ได้รุมโจมตี น.ต.ชนินทร์ อย่างรุนแรง โดยนำภาพและข้อมูลส่วนตัว เช่น ภาพสมัยเป็นนักเรียนเตรียมทหาร นักเรียนนายเรืออากาศ รวมถึงภาพที่เคยเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง มาวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง และเต็มไปด้วยอารมณ์

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่า น.ต. ชนินทร์ มีนามสกุลคล้ายกับ "นายช้อง คล้ายคลึง " อดีตสมาชิกสภาจังหวัดเพชรบุรี และอดีตกำนัน ตำบลช่องสะแก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี สำหรับ นายช้อง คล้ายคลึง ตามประวัติแล้ว เป็นคนจริง รักพวกรักพ้อง มีจิตใจกว้างขวาง เป็นคนที่ไม่ชอบอยู่กับที่ ชอบเคลื่อนไหวอยู่เสมอ การเคลื่อนไหวและสภาพทางสังคม เป็นเหตุให้ชีวิตของนายช้อง คล้ายคลึง เป็นชีวิตแห่งการต่อสู้โลดโผนตลอดมา

ปี พ.ศ. 2522 ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศ นายช้อง คล้ายคลึงจึงได้ลาออกจากตำแหน่งกำนัน และตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัด มาสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จนกระทั่งถูกคนร้อยลอบยิงเสียชีวิต ในขณะที่กลับจากหาเสียงที่ อ. เขาย้อย จ. เพชรบุรี เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2522 เวลาประมาณ 01.00 น. รวมอายุได้ 35 ปี

จากการเมืองในรุ่นกำนันช้องมาสู่รุ่นหลาน ในการเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 หลานกำนันช้อง คนหนึ่งชื่อ ราชศักดิ์ คล้ายคลึง ได้ลงเลือกตั้งในเขต 1 จ.เพชรบุรี ในนามพรรคไทยรักไทย แข่งกับนายอลงกรณ์ พลบุตร พรรคประชาธิปัตย์ ครั้งนั้น "โอ๊ค" นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้มาช่วยหาเสียงให้กับนายราชศักดิ์ แต่เมื่อผลเลือกตั้งออกมา ปรากฏว่า นายราชศักดิ์ พ่ายแพ้นายอลงกรณ์
เมื่อสอบถามไป ชาวบ้านในตำบลช่องสะแก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรีผู้หนึ่ง ได้รับการบอกกล่าวว่า น.ต. ชนินทร์ น่าจะเป็นหลานกำนันช้อง คล้ายคลึง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น