แกะรอย"ลับลวงพราง"แบบ"หนั่น"มือปรองดอง"มาร์ค-แม้ว"เชื่อม3ตระกูลดัง-โยกหุ้นให้ลูกก่อนนั่งรมต.
วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 21:39:39
เมื่อ 8 ปีที่แล้ว พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้เว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี อันเนื่องมาจากยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเงินกู้ 45 ล้านบาท
หลังพ้นโทษกลับเข้ามาเล่นการเมืองและมีตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช
ล่าสุด พล.ต.สนั่นรับบทตัวกลางเจรจาหาทางปรองดองกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงขั้นบินไปพบอดีตนายกฯผู้อื้อฉาวถึงประเทศนอร์เวย์เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าเป็นการเจอกันโดยบังเอิญ
ท่ามกลางคนจำนวนไม่น้อยตั้งคำถามว่า การเดินเกมของนักการเมืองใหญ่ในครั้งนี้ "ซ่อน" นัยทางการเมือง หรือไม่?
กระนั้นก่อนที่จะ "อ่าน" และ "สรุป" พล.ต.สนั่นขอให้ดู "ความเป็นเลิศ" พล.สนั่นในแง่มุมดังต่อไปนี้
ตอนเป็น ส.ส.พิจิตร วันที่ 22 มกราคม 2551 พล.ต.สนั่นแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า มีทรัพย์สิน 110,190,748 บาท หนี้สิน 7,219,727 บาท นางฉวีวรรณ ภรรยา มี 38,027,098 บาท ไม่มีหนี้สิน รวม 2 คน 148,217,846 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 140, 998,118 บาท
พล.ต.สนั่นมีเงินลงทุน 12 รายการ มูลค่า 7,438,602 บาท ได้แก่บริษัท สนามบินน้ำไดร์ฟวิ่งเรนจ์ จำกัด 1,000 หุ้น มูลค่า 1 แสนบาทBLAND 8,000,000 หุ้น มูลค่า 5,760,000 บาทหุ้น KMC 1,046,732 หุ้น มูลค่า 659,441 บาท,หุ้น KMC-W 1 จำนวน 139,998 หุ้น มูลค่า 19,599 บาทหุ้น SAMTEL 50,000 หุ้น มูลค่า 377,500 บาทหุ้น TMB 15 หุ้น มูลค่า 17 บาทหุ้น TRAF 43,760 หุ้น มูลค่า 312,884 บาทหุ้น TT&T 75,000 หุ้น มูลค่า 52,500 บาทหุ้น TRAF (ลูกหุ้น) 87,520 หุ้น มูลค่า 156,668 บาท และUOB 12 หุ้น ไม่มีมูลค่า
เลิกกิจการแล้ว ได้แก่บริษัท เพอร์มาเน็กซ์ อินเตอร์ทรานส์ จำกัด บริษัท รวมชนชาวไทย จำกัด และ บริษัท ขจรสยาม จำกัด นางฉวีวรรณถือหุ้น 6 รายการ ได้แก่บริษัท สนามบินน้ำไดร์ฟวิ่งเรนจ์ จำกัด 1,000 หุ้น มูลค่า 1 แสนบาทบริษัท ทรัพย์นิชากร ทาวน์เฮ้าส์ จำกัด 1,016 หุ้น มูลค่า 101,600 บาทบริษัท น้ำดื่มบงกช จำกัด 2,500 หุ้น มูลค่า 250,000 บาทบริษัท ขจรฟาร์ม รีสอร์ท จำกัด 2,500 หุ้น มูลค่า 250,000 บาทบริษัท ไทยแอร์ เซอร์วิส จำกัด 150 หุ้น มูลค่า 150,000 บาท และบริษัท ทรัพย์สารสิน จำกัด 1 หุ้น มูลค่า 10 บาท
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551 รับตำแหน่งรองนายกฯ ครม.สมัคร พล.ต.สนั่นมีทรัพย์สิน 103,158,806 บาท เงินลงทุนเพียง 1 รายการ คือหุ้น TRAF (ลูกหุ้น) 87,520 หุ้น มูลค่า 156,660 บาท หนี้สิน 296,578 บาท นางฉวีวรรณมี 37,175,488 บาท ไม่มีเงินลงทุน ไม่มีหนี้สิน รวมทรัพย์สิน 140,334,294 บาท เบ็ดเสร็จมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 140,037,715 บาท
เมื่อเปรียบเทียบ 2 ครั้ง เงินลงทุนของ พล.ต.สนั่นและนางฉวีวรรณลดลง 8,133,552 บาท
จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2551 พล.ต.สนั่นและนางฉวีวรรณได้โอนหุ้นไปให้บุตรสาวอย่างน้อย 5 บริษัท ได้แก่ บริษัท สนามบินน้ำไดร์ฟวิ่งเรนจ์ จำกัด, บริษัท ทรัพย์นิชากร ทาวน์เฮ้าส์ จำกัด, บริษัท น้ำดื่มบงกช จำกัด, บริษัท ขจรฟาร์ม รีสอร์ท จำกัด
อีก 1 บริษัท ได้แก่ บริษัท ไทยแอร์เซอร์วิส จำกัด โอนให้นายวุฒิศักดิ์ อินทรภูวศักดิ์ กลุ่มซีทีไอทาวเวอร์ ซึ่งเกี่ยวโยงคดีเงินกู้ 45 ล้าน
ทั้งนี้ บริษัท สนามบินน้ำไดร์ฟวิ่งเรนจ์ จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท สนามบินน้ำมาร์เก็ตพาร์ค จำกัด) ก่อตั้งวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2547 ทุนจดทะเบียน ล่าสุด 25 ล้านบาท ส่วนเงินลงทุนรายการอื่นไม่พบข้อมูลว่าโอนไปให้ใคร ?
วันที่ 25 กันยายน 2551 ตอนเป็นรองนายกฯ รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พล.ต.สนั่นแจ้งว่ามีทรัพย์สิน 103,105,584 บาท หนี้สิน 4,624,576 บาท นางฉวีวรรณ 37,184,690 บาท ไม่มีหนี้สิน รวม 2 คน 140,290,275 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 135,665,699 บาท
วันที่ 22 ธันวาคม 2551 ตอนเป็นรองนายกฯ ครม.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พล.ต.สนั่นแจ้งว่ามีทรัพย์สิน 103,101,482 บาท หนี้สิน 3,694,671 บาท นางฉวีวรรณแจ้งว่า มีทรัพย์สิน 37,184,690 บาท ไม่มีหนี้สิน รวมทรัพย์สิน 140,286,173 บาท มีทรัพย์สินมากว่าหนี้สิน 136,591,502 บาท
การยื่นบัญชี 2 ครั้งหลังสุด ไม่มีเงินลงทุนอีกต่อไป
กล่าวสำหรับ นางสาวบงกชรัตน์ นางสาวปัทมารัตน์ และ นางสาววัฒนีพร ขจรประศาสน์ ปัจจุบันเป็นเจ้าของธุรกิจ 9 บริษัท
1.บริษัท รอยัล ลานนา ทาวเวอร์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 27 กันยายน 2533 ทุน 142 ล้านบาท 2.บริษัท ชาละวัน จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2542 ทุน 25 ล้านบาท 3.บริษัท บงกช ส่งออกและนำเข้า จำกัด จดทะเบียน 26 มกราคม 2544 ทุนจ 21 ล้านบาท4.บริษัท น้ำดื่มบงกช จำกัด จดทะเบียน 15 สิงหาคม 2546 ทุน 1 ล้านบาท 5.บริษัท วี-วัน กอล์ฟ จำกัด จดทะเบียน 23 กันยายน 2545 ทุน 1 ล้านบาท 6.บริษัท สนามบินน้ำมาร์เก็ตพาร์ค จำกัด (ชื่อเดิมบริษัท สนามบินน้ำไดร์ฟวิ่งเรนจ์ จำกัด) จดทะเบียน 13 กุมภาพันธ์ 2547 ทุน 25 ล้านบาท7.บริษัท ซิลเวอร์ คอยน์ จำกัด จดทะเบียน 14 กันยายน 2548 ทุน 55 ล้านบาท ประกอบธุรกิจเกมส์ออนไลน์ 8.บริษัท ทรัพย์สารสิน จำกัด จดทะเบียน 26 ธันวาคม 2546 ทุน 1 ล้านบาท 9.บริษัท ชาละวัน ไวน์เนอรี จำกัด จดทะเบียน 6 พฤศจิกายน 2545 ทุน 10 ล้านบาท
ในจำนวนนี้ 1 บริษัทลงทุนร่วมกับนายประสงค์ โฆษิตานนท์ นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ และ ร้อยโทชวลิต เตชะไพบูลย์ ชื่อบริษัท ชาละวัน จำกัด ผลิตไวน์ อยู่ในจ.พิจิตร โดยนายประสงค์ ถือหุ้น 20% นายวินัย 10% ร้อยโทชวลิต 9.9% นางสาวบงกชรัตน์ นางสาวปัทมารัตน์ และนางสาววัฒนีพร ขจรประศาสน์ ถือหุ้นคนละ 15%
ทั้งหมดคือ"นวัตกรรม"ของรองนายกฯ ในวันที่บอกใครๆ( อีกครั้ง)ว่าถ้าปรองดองสำเร็จจะวางมือทางการเมือง
--------------
“เสธฯหนั่น”คุย นช.ทักษิณ เส้นทางไปสู่นายกฯ สำรอง บนภาพลวงสร้างปรองดอง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
8 พฤศจิกายน 2553 23:55 น.
การกลับมาทำงานที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล ของพลตรีสนั่น ขจรประศาสตร์ รองนายกรัฐมนตรี จากชาติไทยพัฒนา ในวันนี้(อังคารที่ 9 พ.ย.) ซึ่งมีนัดจะแถลงข่าวเกี่ยวกับการไปพบนช.ทักษิณ ชินวัตร ที่ประเทศนอรเวย์
“เสธฯหนั่น”คงต้องตอบคำถามข้อสงสัยของสังคมมากมายหลายประเด็นข้อสงสัยต่อกรณีที่มีการอ้างจากนพดล ปัทมะ โทรโข่งประจำตัวนช.ทักษิณ ชินวัตร ที่ระบุว่าเสธฯหนั่นได้มีการพบปะพูดคุยถึงแนวทางการปรองดองทางการเมืองกับนช.ทักษิณ ณ สถานที่แห่งหนึ่งในประเทศนอร์เวย์ ระหว่างที่ทั้งสองคนเจอกันในงานกฐินพระราชทาน 9 วัด 9 ประเทศ อันมีเสธฯหนั่นเป็นตัวแทนของฝ่ายรัฐบาลไปดำเนินการเรื่องนี้ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีผู้กำกับดูแลงานของสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
หากดูตามคำแถลงของนพดล ที่รีบชิงนัดหมายสื่อมวลชนแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเมื่อวันเสาร์ที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย นั่นย่อมหมายถึงว่า นพดลได้รับคำสั่งมาจากนายใหญ่ ทักษิณ แล้วว่าให้แถลงข่าวเรื่องการพบกันของทักษิณกับเสธฯหนั่นเพื่อให้คนไทยและรัฐบาลไทยได้รับรู้ในการพบกันของ
รองนายกรัฐมนตรีจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย-ผู้ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุกในคดีอาญา และการตกเป็นผู้ต้องหาหนีคดีตามหมายจับอีกจำนวนมาก ที่ทักษิณถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลฎีกาฯ จนถูกกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกหมายจับไปยังตำรวจสากลทั่วโลก ย่อมไม่ธรรมดา
“เสธฯหนั่น”พบ “ทักษิณ”ระหว่างงานทอดกฐินพระราชทาน ณ วัดไทยในประเทศนอร์เวย์ แถมยังเป็นการพบกันแบบที่ทักษิณ ภาคภูมิใจจนต้องรีบให้นพดลออกมาแถลงข่าวล่วงหน้า
นี้คือการตบหน้ารัฐไทยฉาดใหญ่ของทักษิณ นักโทษและจำเลยหลบหนีคดีของศาลไทย
เสธฯหนั่น ซึ่งเล่นบทคนกลาง-นักปรองดอง ชนิดข้ามหน้าข้ามตา อภิสิทธิ์ มาตลอด จะมีท่าที และคำชี้แจงในเรื่องนี้อย่างไร ต้องติดตาม แต่คงคาดเดาได้ไม่ยาก เช่น ไม่ได้มีการนัดหมายล่วงหน้า ไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อนว่าจะได้เจอทักษิณ เพื่อเป็นการเซฟตัวเองในทางหนึ่งด้วย
ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็หมายถึงว่า นพดล อดีตรมว.ต่างประเทศ ให้ข่าวไม่ตรงความเป็นจริง เพราะนพดลบอกกับสื่อมวลชนว่า ก่อนหน้าการพบกันดังกล่าวทั้งสองคนน่าจะมีการพูดคุยกันไว้ก่อนแล้ว
เรื่องทั้งหมดต้องรอฟังจากปากเสธหนั่นดีที่สุด ว่าจะตอบทุกข้อสงสัยอย่างไร ?
โดยเฉพาะคำถามถึงเรื่องความเหมาะสมที่เสธฯหนั่น ไปพบกับทักษิณ อันมีฉากหลังคืองานบุญที่ทำในนามของหน่วยงานราชการไทย มันเหมาะสมหรือไม่อย่างไร ?
หลังล่าสุด ทักษิณ ชินวัตร ได้โฟนอินไปยังเวทีของพรรคเพื่อไทยเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่จัดกันที่ทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี เมืองหลวงคนเสื้อแดงในอีสาน ที่มีการพูดถึงเสธฯหนั่นอย่างออกหน้าออกตาและพูดถึงเรื่องการปรองดองอย่างร้อนแรง อันตีความได้ไม่ยากว่า ทักษิณกับเสธฯหนั่น น่าจะได้คุยกันแล้ว ก่อนที่โฟนอินดังกล่าวจะเกิดขึ้น
“เราต้องหันหน้าเข้าหากัน ควรเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง คนตายต้องได้รับการชดเชยหลายล้านบาท คนบาดเจ็บสาหัสต้องชดเชย คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ถูกจับติดคุก ก็ต้องชดเชย วันนี้ไม่ต้องเลือกสีใด แต่ต้องเยียวยา เพื่อให้แผลจากความขัดแย้งได้หายไปจากสังคม แล้วเรามาสร้างชาติกัน
วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องจัดการให้ประเทศไปสู่ความปรองดองให้ได้ พล.ต.สนั่นเอาจริงเอาจังมาก พยายามเดินให้เกิดความปรองดองให้ได้ วันนี้ใครขัดขวางเรื่องนี้แสดงว่าคนนั้นเห็นแก่ตัวอย่างบัดซบ ผมเป็นคนโดน แต่พร้อมยอมกลืนความเจ็บปวด เพื่อให้คนไทยมีความสุข ผมจะไม่เป็นอะไร ถ้าคนไทยมีความสุข ผมก็มีด้วย"
สถานการณ์แบบนี้ มันต้องฟังหูไว้หู ไม่รู้ว่า ชั่วโมงนี้ เสธฯหนั่นกับทักษิณ คิดอะไรกันอยู่และทั้งสองคนมีข้อตกลงลับอะไรกันหรือไม่ เนื่องจากเสธฯหนั่นถือว่าเป็นนักการเมืองรุ่นเก๋า คิดและทำอะไร ประชาชนต้องมองหลายชั้น อ่านหลายทาง โดยเฉพาะผลประโยชน์ได้-เสีย ที่ตัวเสธฯหนั่นจะได้รับ หลังจากเล่นบท คนกลางนักปรองดองมาหลายเดือน ในการเล่นเดินสายไปทั่ว เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของฝ่ายต่างๆ ทั้งฝ่ายเสื้อแดง ที่ถึงบุกเรือนจำไปพบแกนนำเสื้อแดงอย่างณัฐวุฒิ ใสเกื้อ แกนนำนปช.
จากนั้น พอเริ่มจุดกระแสติด ก็บุกไปพบตัวแทนพรรคการเมืองเกือบทุกพรรคเช่น เพื่อไทย -เพื่อแผ่นดิน-รวมใจไทยชาติพัฒนา -ประชาราช หรือพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคมช. ณ ที่ทำการพรรคมาตุภูมิ รวมถึงการพบสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯเสื้อเหลืองที่บ้านพระอาทิตย์
ซึ่งทุกครั้งเสธฯหนั่นจะทำทีว่า มาขอรับฟังความคิดเห็นเรื่องการหาทางสร้างความปรองดอง โดยไม่หวังผลทางการเมืองใดๆทั้งสิ้น
โดยเฉพาะในช่วงสองเดือนก่อนหน้านี้ ที่กระแสคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ดูจะออกมาในทางไม่เป็นผลดีกับพรรคและอภิสิทธิ์ เนื่องจากหลายคนแม้แต่คนในประชาธิปัตย์ดูจะไม่มั่นใจว่าประชาธิปัตย์จะรอด จึงทำให้แวดวงการเมืองพูดกันถึงเรื่อง “นายกฯสำรอง”
ยิ่งเมื่อสุเทพ เทือกสุบรรณ ลาออกจากรองนายกรัฐมนตรีไปลงสมัครส.ส.ที่สุราษฏรธ์ธานี ก็ยิ่งทำให้เรื่อง “นายกฯสำรอง”ดังขึ้นเรื่อยๆ และบทบาทของเสธหนั่นในฐานะนักปรองดองที่ออกมาในช่วงนั้น ก็เลย ทำให้เสธฯหนั่น ถูกมองว่าเพื่อหวังเดินสายขอคะแนนเสียงจากทุกพรรคไม่เว้นแม้แต่เพื่อไทย ในการเตรียมเป็น “นายกฯสำรอง”จนเสธฯหนั่นต้องออกมาปฏิเสธยกใหญ่
อย่างไรก็ตาม กระแสคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ตีกลับทันทีหลังเกิดกรณีคลิปลับที่ทำให้หลายคนเริ่มจะมองว่า”ประชาธิปัตย์รอด”บทบาทนักปรองดองของเสธฯหนั่นก็เงียบหายไปทันที
ข้อเท็จจริงของ “บทสนทนาที่นอร์เวย์”ระหว่าง รองนายกรัฐมนตรี กับ นักโทษชาย ทักษิณ เชื่อเถอะว่า ไม่มีทางที่จะมีการเปิดเผยออกมาทั้งหมด
แต่สิ่งที่ทักษิณได้แล้ว คือการตบหน้ารัฐไทย-รัฐบาลไทย-กระบวนการยุติธรรมของไทย ด้วยการเอาเสธหนั่นมารับรองความชอบธรรมให้กับตัวเอง
ไม่อย่างนั้นคงไม่สั่งให้นพดลรีบชิงแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเสธฯหนั่น เห็นด้วยหรือไม่ เพราะไม่แน่เสธฯหนั่นอาจต้องการให้ทั้งหมดเป็นเรื่องของการพูดคุยแบบสองต่อสอง ไม่อยากให้ใครรับรู้โดยเฉพาะคนที่เมืองไทย
การอาสามาทำงานเรื่องนี้ มีหรือเสธฯหนั่นจะไม่รู้ว่า ถึงตอนนี้ โอกาสในการปรองดองกับทักษิณ-เสื้อแดง มันแทบจะไม่เหลือความเป็นไปได้เลย ตราบใดที่ทักษิณ ยังไม่ยอมมาเข้าคุกในประเทศไทย ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ อันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำให้การปรองดองเกิดขึ้นได้
ซึ่งเมื่อเสธฯหนั่นก็รู้ เงื่อนไขตรงนี้ดี แล้วทำไมต้องไปญาติดีกับทักษิณ คนที่วางแผนทุกอย่างเพื่อสร้างความปั่นป่วนให้ประเทศไทย
แท้จริงแล้ว พล.ต.สนั่นคิดและต้องการอะไร
-----------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น