วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555

ลับสุดยอดเหตุการปะทะ10เม.ย.53


(ข่าวกรอง)

ลับสุดยอด..การปะทะกันระหว่าง กองกำลังนักรบนิรนาม กับ ทหาร

สิ่งทั้งหลายย่อมไม่เกิดขึ้นโดยไร้สาเหตุ ย่อมมีที่มา ความลับย่อมไม่มีในโลก....ในที่สุดเราก็ได้รับรู้ที่มาของสาเหตุการจะต้องไล่ล่าสังหาร กวาดล้างผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยให้ยุบสภา ของคนเสื้อแดง ที่ถุกซ่อนไว้ เหมือนการยัดขยะเข้าใต้พรม แหล่งข่าวในทางลับ รายงานว่า

10 เมษายน 2553

ในเวลาประมาณบ่าย 2 โมงเศษ ขณะทีเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ได้บินเพื่อโยนระเบิดแก๊สน้ำตา ลงไปยังผู้ชุมนุมที่สะพาน ได้ปรากฏกองกำลัง นิรนามใช้อาวุธปืนไรเฟิล Sniper ยิงเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ จนเครื่องยนต์เสียหายต้องร่อนลงที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างฉุกเฉิน ไม่อาจขึ้นบินทิ้ง ระเบิดแก๊สน้ำตา ที่สะพานผ่านฟ้าได้อีก  แต่เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์อีกลำหนึ่งได้บินขึ้นปฏิบัติภารกิจแทน ก็ถูกยิงเช่นกัน และในเย็นวันนั้นจึงไม่มีการทิ้งระเบิดแก๊สน้ำตาอีก

ช่วงเวลากลางคืน 19:02 น. 

ภายหลังจากที่เกิดการปะทะที่ตรอกข้าวสาร และได้มีการยิง M79 ทำลายศูนย์บัญชาการส่วนหน้า ทำให้นายทหารชั้นผู้ใหญ่เสียชีวิตทันที และบาดเจ็บอีกหลายนาย

ในเวลาใกล้เคียงกัน

ส่วนพื้นที่ตั้งของ ศอฉ.ซึ่งตั้งอยู่ภายใน ราบ 11 ทันทีที่ได้ทราบข่าวทางวิทยุสื่อสารว่า  พล.ต.วลิต โรจนภักดี โดนยิงด้วย M79 เจ็บหนัก ที่ตรอกข้าวสาร ผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งคุมกำลังพร้อมอยู่ที่ราบ 11 ได้สนธิกำลังและส่งกำลังออกไปเสริมที่สะพานผ่านฟ้าชุดแรกออกไปทันทีและในขณะเดียวกันอีกชุดหนึ่งกำลังรอที่จะเคลื่อนออกไปกวาดล้างชุมนุมคนเสื้อแดง แต่แทบจะทันทีทันใด กองกำลังนักรบนิรนาม ได้ยิงM79 จาก 4มุมเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง จากชัยภูมิสูงข่ม (สะพานลอย) ต้านขบวนรถสายพานที่จะเคลื่อนขบวนออกไปนั้นเอาไว้ และ เนื่องจากกำลังพลในราบ11 ไม่มีประสบการณ์ในการสู้รบจึงมีการสูญเสีย และทำให้การเคลื่อนกำลังณ.เวลานั้นไม่สามารถบรรลุภารกิจเสริมกำลัง สนับสนุนเพื่อกวาดล้างผู้ชุมนุมที่ตรอกข้าวสาร และสะพานผ่านฟ้า ได้ทำให้ทหารต้องล่าถอยกลับที่ตั้ง และ ทิ้งอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งทหารที่หนีไม่ทันได้ยอมปลดอาวุธ และ มอบตัวกับการ์ดเสื้อแดงเกือบครึ่งร้อย

ในขณะที่กำลังเสริมชุดแรกที่เคลื่อนออกจากราบ 11 เพื่อไปเสริมกำลังภารกิจกวาดล้างผู้ชุมนุมเสื้อแดง ที่ ถนนข้าวสารนั้น เมื่อขบวนรถทหารดังกล่าว ขึ้นทางด่วนรามอินทราเคลื่อนเข้าสู่ทางโค้ง กองกำลังนิรนาม ซึ่งใช้ รถติดปืนกล 2 คัน จอดซุ่มข้างทางด่วน ทำทีคล้ายรถตรวจการณ์สนาม

ส่วน รถ 4x4 สีดำ 2 คัน จอดอยู่ใกล้ทางโค้ง โดย นักรบนิรนามจำนวน 14 นาย พร้อมอาวุธพิเศษกระจายกำลังซุ่มแฝงตัวอยู่ 2 ฟากข้าง ทิ้งระยะห่างจากรถติดปืน 50 หลา ภารกิจสะกัดกั้นการส่งกำลังบำรุงไม่ให้หนุนไปยังผ่านฟ้าและตรอกถนนข้าวสาร

SIG SG 551-SWATอาวุธปืนชนิดพิเศษที่นักรบนิรนามใช้ ยังไม่มีในกองทัพไทย ใช้ระบบ3Max

และเมื่อรถยีเอ็มซีขนกำลังทหารเพื่อไปไป เสริมกำลังเพื่อกวาดล้างเสื้อแดงที่ผ่านฟ้าแล่นถึงจุดทางโค้งก็ชลอความเร็ว ก็เท่ากับแล่นเข้าโซนสังหารที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว กองกำลังนิรนามจึงเริ่มจากการยิง M79เข้าไปยังรถยีเอ็มซึ่งขนทหารพร้อมอาวุธที่วิ่งบนทางด่วน

หลังจากนั้นนักรบนิรนามที่ซุ่มอยู่ทั้งสองข้างทางจึงระดมยิงซ้ำ การต่อสู้ได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ชั่วโมงเสียง M16 และเสียงปืนพิเศษของนักรบนิรนาม ดังสนั่นนับพันนัด ๆ ยิงสู้กัน ชนิดไม่รู้ใครเป็นใคร ได้ยินไปทั่ว

และเมื่อ(03:00น.)กองกำลังนิรนาม จึงได้ยิงปืนสัญญาณเรียกขาน 8 นัด เพื่อส่งสัญญาณถอย ภายหลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหารกับ กองกำลังนิรนาม ได้มีผู้แจ้งให้รถร่วมกตัญญูขึ้นไปเก็บทหารที่บาดเจ็บและเสียชีวิตบนทางด่วนนับสิบคัน

ปรากฏว่า จุดปะทะรามอินทรา นี้มีทหารที่บาดเจ็บ-เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งล้วนเป็นทหารที่ถูกส่งไปเสริมกำลังเพื่อสลายมวลชนที่ผ่านฟ้าทั้งสิ้น ส่วนกองกำลังนิรนามได้ถอนตัวขึ้น4วิลล์สีดำ และรถติดปืนทั้งสองคัน ขับแล่นฝ่าความมืดหายไปอย่างไร้ร่องรอย...."

กองกำลังเหล่านั้น มาด้วยรถโฟร์วิล 2 คัน ดักอยู่ก่อนถึงทางลงทางด่วนซึ่งได้เปรียบทางยุทธวิธี เพราะขบวนทหารที่ลงมาจะถูกบีบเป็นคอขวด..แถมทหารส่วนใหญ่ที่มากับขบวนนั้น เป็นทหารใหม่แทบทั้งสิ้น..ก็เลยตื่นตระหนกโกลาหลเมื่อถูกซุ่ม..คงมีแต่นายทหารที่คุมมาเท่านั้นที่ยิงปะทะต่อสู้เป็นส่วนใหญ่..ตรงนี้มีเจ็บหลายสิบคน ตายก็มี ในที่ประชุม ศอฉ.คอมเมนท์กันว่า นี่เป็นกลุ่มทหารในสายของ พี่เสธ.แดง+พลเอกพลลภ ทหารพวกนี้มีประสบการณ์รบพิเศษสูง เพราะไม่กลัวที่จะต้องสู้ด้วยกำลังพลที่น้อยกว่าแบบ 1 ต่อ 10

////////

ส่วนข่าวที่ออกทางสื่อภาครัฐ(ฟรีTV) และสื่อสารมวลชนทั่วไปจะรายงานออกมาในลักษณะเดียวกันว่า ในคืนวันที่ 10 เมษายน 2553 นั้นมีการปะทะและสูญเสียชีวิต ทหารจำนวนมากที่ถนนข้าวสารเท่านั้น แต่จากข่าวสารที่ได้รับ  กลับไม่ใช่ (ผิดถูกก็ต้องโทษรัฐบาลที่ปิดกั้นข่าวสารทุกรูปแบบ) และเมื่อเรียบเรียงลำดับการเกิด  การปะทะกันระหว่างกองกำลังนักรบนิรนามกับ ทหารที่จะมาเสริม กำลังกวาดล้างชุมนุมเสื้อแดงจะพบว่า เกิดขึ้นถึง 4 แห่ง ด้วยกัน คือ รัฐสภา เครื่องบิน ฮ.สองลำโดนซุ่มยิงจากกองกำลังนิรนาม จนเสียหายไม่สามารถปฏิบัติภารกิจ(ขึ้นบิน) ราชดำเนิน ถนนข้าวสาร ปะทะด้วยอาวุธ มีนักรบนิรนามยิงทหาร และถล่มM79 เกิดการสูญเสียนายทหารระดับสูง ในราบ11 พึ้นที่ตั้ง ศอฉ. ถูกโจมตีด้วยกองกำลังนิรนาม โดยถล่มM79 ใส่ ศอฉ. หลายระลอก การปะทะของ กองกำลังนิรนามบน ทางด่วนแจ้งวัฒนะ ปะทะนานกว่า 3 ชั่วโมง ทหารบาดเจ็บเสียชีวิตหลายนาย

ทหารนอกกรอบนั้น.. ออกมาตัวเป็นๆ20กว่าคนขัดขวางขบวนทหาร ร.11 ที่กำลังยกขบวนกันมา ที่ปลายทางด่วนรามอินทรา..ยิงกันสนั่นหวั่นไหว จนทหารขบวนนั้นไม่กล้ายกพลข้ามทางด่วนมา..มีเจ็บมีตายนะครับตรงนั้น

จากการปะทะกันระหว่างกองกำลังนักรบนิรนาม ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการรบและมีอาวุธที่มีอานุภาพสูงกว่าทหารที่ใช้อยู่ในกองทัพ จึงทำให้ทหารเสียชีวิต เกือบร้อยนาย และไม่สามารถจำหน่ายกำลังพลที่สูญเสียได้ ทำให้มีความจำเป็นที่ต้องปิดบังความจริง  แล้วเอาไปโยนให้กับผู้ร่วมชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย(คนเสื้อแดง)หรือเปล่า ?

เพราะเป็นสิ่งที่เห็นได้โดยการสัมผัสด้วยตัวเองในความแตกต่าง อย่างเห็นได้ชัดว่า

   เหตุใด ในเมื่อผู้ชุมนุมไม่ปรากฏว่าพกพาอาวุธ แต่ทหารกลับเตรียมสรรพกำลัง สร้างบังเกอร์ ใส่เสื้อเกราะใช้อาวุธร้ายแรงซึ่งใช้เฉพาะในราชการสงคราม รวมทั้งใช้ยานพาหนะเป็นรถหุ้มเกราะ และรถสายพาน ซึ่งเป็นไปไม่ได้โดยแท้ว่าจะนำไปใช้ในการสลายผู้ชุมนุม แต่มันเป็นลักษณะของการสงคราม ??

จนถึงบัดนี้ ไม่ว่าจะเป็น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ, นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ, พันเอกสรรเสริญ หรือ ผบ.ทบ.เอง ก็ไม่อาจกล่าวต่อชาวโลกได้ว่า มีความจำเป็นขนาดไหน ที่จะต้องใช้อาวุธสงครามในการสลายการชุมนุม ?

ณ ขณะเวลานี้สิ่งที่สามารถจะสรุปเป้าประสงค์ของ ศอฉ.ประกอบกับคำประกาศต่อสาธารณว่า

" ผู้ชุมนุมเป็นผู้ก่อการร้าย เป็นกบฏแผ่นดิน "

พร้อมกับปิดกั้นสื่อสารทุกทาง และนำกำลังทหารเต็มอัตราศึกเพื่อเข้าสลายเป็นความชอบธรรมและสมควรแก่เหตุ แต่...จาก การประมวลข้อมูล ก็สามารถอนุมานได้ว่า

สาเหตุที่ต้องใช้ อาวุธสงคราม ในการเข้าล้อมปราบและสลายผู้ชุมนุมที่เรียกร้องประชาธิปไตย ก็เพียงเพื่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตขึ้นให้ตัวเลขกำลังพลที่ได้ตายโดยการโจมตีของกองกำลังนิรนาม สามารถจำหน่ายได้ว่าถูกกลุ่ม
คนเสื้อแดงสังหาร ถือว่า เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่   นอกจากจะผลักตนให้พ้นจากความผิดแล้ว  ยังสามารถโยนความผิด   ให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงให้กลายเป็นผู้ก่อการ ร้ายอย่างสมบูรณ์แบบ

หากมิใช่เช่นนั้น....

เหตุใด ศอฉ.โดย พันเอก สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผอ.ศอฉ. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรี จึงปิดบังข้อมูล ไม่กล่าวถึงกรณีทหารปะทะกับกองกำลังนิรนามที่ทางด่วนรามอินทรา และ ราบ11 ถูกโจมตีด้วย M79 ในคืนวันที่10 เมษายน 2553 จนมีการสูญเสียกำลังพลจำนวนมาก จริงหรือไม่ ?

ดังนั้น ตราบใด ที่ทาง ศอฉ. และ รัฐบาล ยังไม่สามารถให้ความกระจ่างในกรณีดังกล่าวข้างต้น การล้อมปราบ สลายมวลชนคนเสื้อแดง ด้วยกำลังทหาร และอาวุธสงคราม ก็เพียงเป็นการสร้างฉาก และเชือดแพะบูชายัญ ให้รับผิดแทน ....ไม่มีสิ่งอื่นที่นอกเหนือไปจากนี้


อ้างอิง : http://nonlaw.7forum.net/forum-f1/topic-t1053.htm



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น