วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

“จำลอง” ย้ำขีดเส้นตายรัฐบาลพ้น 7 วัน พธม.ออกโรงแน่


“จำลอง” ย้ำขีดเส้นตายรัฐบาลพ้น 7 วัน พธม.ออกโรงแน่

Wed, 21 Apr 2010 15:52:21

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่บ้านพระอาทิตย์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึง กรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ประสานกับทางสำนักราชเลขาธิการ ขอเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณแก้ไขสถานการณ์บ้านเมือง มองว่า การกระทำดังกล่าวของ พล.อ.ชวลิต เป็นเรื่องที่แย่มาก จะนำเหตุการณ์ในปัจจุบันไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬไม่ได้ เพราะมีความต่างกัน เนื่องจากในปี 2535 ไม่ได้มีบุคคลใดไปทำระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทโดยการขอเข้าเฝ้าฯ ให้พระองค์ทรงแก้ปัญหา แต่เป็นพระบรมราชวินิจฉัยของพระองค์เอง ขณะที่การชุมนุมในเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อยับยั้งการหยุดสืบทอดอำนาจของเผด็จการ รสช. หลังจากที่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร รองหัวหน้าคณะรัฐประหารรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนที่ พล.อ.ชวลิต ออกมาระบุว่าการขอเข้าเฝ้าฯ เพื่อเป็นการป้องกันความสูญเสียนั้น เป็นเหตุผลที่ไม่มีน้ำหนัก

พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ถ้ารัฐใช้กระบวนการยุติธรรมตั้งแต่เมื่อเมษายน ปี 2552 ก็จบไปแล้ว คงไม่มีเหตุการณ์ยืดเยื้อมาจนถึงวันนี้ พันธมิตรฯ เรียกร้องให้รัฐบาลบังคับใช้กฏหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ตนต้องขอตำหนิรัฐบาลว่า ทำไมไม่ดำเนินการขั้นเด็ดขาด หรือจะต้องรอให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นก่อน เพราะถ้ารัฐบาลไม่ทำพันธมิตรฯ และประชาชนที่ทนไม่ได้ก็จะลุกฮือขึ้นมา แรกๆ อาจมีการใช้วิธีที่นุ่มนวลก่อน แต่หลังๆ ก็อาจจะมีการใช้อาวุธ ซึ่งอย่ารอให้ถึงวันนั้น ถ้ารัฐบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจัง ผู้ชุมนุมก็กลัว แต่ทำไมไม่เอาจริงเสียที ทั้งนี้ตนไม่ได้บอกให้รัฐใช้ความรุนแรง แต่ต้องทำให้เกิดความรุนแรงและความสูญเสียน้อยที่สุดเพื่อให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบ

“ผมขอเสนอว่า ถ้ารัฐบาลและผู้บัญชาการทหารบกไม่ทำ ก็ฝากแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ พิจารณาให้ดี สามารถประกาศกฎอัยการศึกในการจัดการม็อบเสื้อแดงได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุมัติจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ผมเชื่อว่าจะสามารถสลายการชุมนุมได้ภายใน 2 ชั่วโมง หากกระทำการเสร็จแล้วจึงค่อยแจ้งต่อรัฐบาล ถ้ารัฐบาลไม่เห็นด้วยก็แค่โดนสั่งย้าย เพราะจะปล่อยให้บ้านเมืองเสียหายต่อไปได้อย่างไร” พล.ต.จำลองกล่าว
ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะใช้กระบวนการทางสภาในการแก้ปัญหานั้น พล.ต.จำลองเห็นว่า เวทีสภาไม่มีความหวังเพราะวิกฤตที่เกิดขึ้นทุกครั้งไม่เคยแก้ไขได้ในสภา มีแต่จะแก้รัฐธรรมนูญกันอย่างเดียว ตนขอถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ผิดตรงไหน หรือเพราะแค่ขัดขวางผลประโยชน์ของตนเองหรือเปล่า ทำไม ส.ส.เหล่านี้จึงไม่เริ่มแก้ปัญหาที่ตัวเองก่อน ขณะที่การเจรจากับทั้ง 2 ฝ่าย ตนตั้งข้อสังเกตว่า จะให้เอาคนที่กระทำผิดกฏหมายหรือเป็นกบฏมาเจรจากันเป็นเรื่องที่ถูกหรือไม่ หากทำได้ อีกหน่อยคนก็ไม่กลัวกฎหมาย พอกระทำผิดทำให้เกิดการสูญเสียขึ้นก็มาตั้งโต๊ะเจรจากัน

“ปัญหาเวลานี้ไม่ใช่ความขัดแย้งของบ้านเมือง แต่เป็นเรื่องที่คนผิดไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ซึ่งหากจะบอกว่าตำรวจจับโจรถือเป็นความขัดแย้งอย่างนี้ก็ไม่ใช่” พล.ต.จำลองกล่าว

พล.ต.จำลองมอง กล่าวอีกว่าทางออกของสถานกการณ์นี้ว่า มี 2 ทาง คือ ใช้กระบวนการยุติธรรม กับอีกทางคือปฏิวัติ แต่เป็นสิ่งที่คนไม่ปรารถนา แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าชาติไม่มั่นคง ชุมชนไม่เข้มแข็ง แต่ระยะนี้ขาดทหารกล้า เพราะเสี่ยงต่อการถูกประหารชีวิต หากกระทำการไม่สำเร็จ ซึ่งตนเชื่อว่าใน 3-4 วันนี้ไม่มีใครจะสามารถกระทำได้ และการปฏิวัติก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ ส่วนเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายนนั้น รัฐบาลทำให้ทหารอ่อนแอที่สุด ซ้ำยังประกาศด้วยว่าไม่ให้ทหารติดอาวุธ จึงทำให้ทหารถูกยิงในที่สุด ขณะที่ปัญหาทหารแตงโมนั้น ตนคิดว่ามีน้อย หากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก็สั่งย้ายได้จะให้อยู่ขวางจนบ้านเมืองเสียหายได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่ามีบางสิ่งที่ทำให้รัฐเริ่มเข้มแข็งแล้ว ส่วนการทำหน้าที่ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหาร ในฐานะหัวหน้าผู้ปฏิบัติการ ศอฉ.นั้น ก็ต้องให้โอกาสอีกสักครั้ง

นอกจากนี้ พล.ต.จำลองยังกล่าวถึงกรณีที่พันธมิตรฯ กำหนดระยะเวลาให้รัฐบาลจัดการกลุ่มคนเสื้อแดงภายใน 7 วันว่า ตนยืนยันว่าพันธมิตรฯ ไม่ได้ออกมาเพื่อให้ทหารปฏิวัติ แต่ทุกคนมีหน้าที่ในการปกป้องราชบัลลังก์ โดยหลังกำหนดไปแล้วพันธมิตรฯ ก็อาจจะชักชวนคนที่รักชาติให้ออกมาช่วยกันยุติการก่อการร้ายเริ่มด้วยวิธีง่ายๆ ไปหายากซึ่งในวันที่ 25 เม.ย.หากรัฐบาลยังไม่สามารถจัดการกับกลุ่มเสื้อแดงและผู้ก่อการร้ายซึ่งอยู่ในกระบวนการเดียวกัน แกนนำพันธมิตรฯจะประชุมกำหนดท่าทีในการออกมาเคลื่อนไหวทันที เพราะรัฐบาลกลัวไม่กล้าทำอะไรปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายเปลี่ยนแปลงประเทศไทยขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆประชาชนจะอยู่กันอย่างไร พันธมิตรฯและประชาชนที่ทนต่อไม่ไหวกับการโกหกบิดเบือนทุกสถานการณ์และการจาบจ้วงสถาบันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนของกลุ่มคนเสื้อแดงและอตีดนายกฯทักษิณ พร้อมออกมาทันทีเมื่อได้รับสัญญานมาเพื่อปกป้องประเทศชาติและราชบัลลังค์ เพราะการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง มีหลายระดับมีทั้งกลุ่มที่ติดดคีอยู่ในศาลที่ต้องการให้การชุมนุมยาวนานที่สุด กลุ่มรับใช้ทักษิณ และกลุ่มเปลี่ยนแปลงประเทศ ซึ่งทำให้มีการเคลื่อนไหวทุกรูปแบบและสามารถทำได้ทุกวิธีทางในการทำลายประเทศไทยจนเกิดสงครามกลางเมือง ซึ่งทางแก้ไขสถานการณ์ขณะนี้ต้องหยุดขบวนการก่อการร้ายเหล่านี้ให้ได้ หากรัฐบาลไม่กล้าทำตอนนี้ต้องเจอม็อบออกมาไล่แน่นอนซึ่งในช่วงประชาชนยังให้โอกาสรัฐบาลอยู่และมีความชอบธรรมในการดำเนินการตามกฏหมายทุกอย่างก็ควรจะต้องเร่งคืนความสงบให้ประเทศ
--------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก"พล.ต.จำลอง"แถลงข่าวดังกล่าว ในวันรุ่งขึ้น(๒๒เม.ย.๕๓)ได้มีการชุมนุมของกฃุ่มเสื้อหลากสีที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และบริเวณถนนสีลม กระทั่งในช่วงค่ำเกิดเหตุการณ์คนร้ายยิงอาวุธ M79 เข้ามาบริเวณผู้คนที่อยู่บริเวณชานชลาจอดรถไฟฟ้าศาลาแดง กับด้านหน้าโรงแรมดุสิต มีผู้บาเจ็บ ๘๐ รายเสียชีวิต ๓ ราย

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความโกรธแค้นให้กับม็อบเสื้อหลากสี มีการด่าทอและบุกไปยังสถานที่ชุมนุมของม็อบเสื้อแดงกระทั่งเกิดการปะทะขัดขวางของเจ้าหน้าที่ และม็อบแดง จนมีรายงานข่าวว่าจะมีการสลายการชุมนุมในช่วงเช้ามืด(๒๓เม.ย.)
----------------------
บึ้มใต้BTSศาลาแดงเจ็บอื้อศอฉ.สั่งเร่งสอบ

มือมึด ลอบยิงวัตถุคล้ายระเบิดลงกลางแยกสีลม ใส่ผู้ชุมนุม 2ฝ่ายแตก หนีชลมุล เบื้องต้นพบ ผู้บาดเจ็บ 3 ราย เจ้าหน้าที่รุดตรวจสอบพร้อมกั้นพื้นที่พิเศษ ด้าน ผู้บังคับการนครบาล 5 เผย มีวัตถุคล้ายระเบิด ลงเยื้องโรงแรมดุสิตซ้ำอีก เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ จำนวนหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาเกิดเหตุ คนร้าย ลอบยิงวัตถุ คล้ายระเบิดลงที่บริเวณ แยกสีลม ใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีศาลาแดง โดยขณะเกิดเหตุกลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มคนหลายสีที่ชุมนุมเผชิญหน้ากัน อยู่นั้น ก็เกิดเสียงดังสนั่น ขึ้น 3 ครั้ง จนผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายต่างวิ่งหลบหนีกันอย่างชลมุนจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เป็นชาวต่างชาติ 1ราย และคนไทย 2 รายเจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลเลิดสิน ทำการรักษา ส่วนจุดเกิดเหตุดังกล่าวขณะนี้ เจ้าหน้าที่ได้กั้นเป็นพื้นที่พิเศษ และเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และเกิดการชลมุนกันขึ้น

ขณะที่ทางด้าน ฝ่ายประชาสัมพันธ์ รถไฟฟ้าบีทีเอส แจ้งว่า หลังเกิดเหตุดังกล่าว ได้งดเดิน สายลีลม ทันที เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยส่วนสายสุขุมวิทยังให้บริการตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ทางด้าน ศอฉ .ได้รับบรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล เบื้องต้น ยังไม่ยืนยันว่าจะเป็นระเบิดหรือวัถตุใดซึ่งอาจเป็นไปได้ที่ผู้ก่อเหตุอาจปามาจากจุดใกล้เคียงที่เกิดเหตุได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ขณะที่ทางด้าน นายปนิทาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรนํบมนตรี เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ.รับทราบเหตุดังกล่าวแล้ว ซึ่งกำลังเร่งตรวจสอบว่าเหตุระเบิดดังกล่าวเกิดจากวัตถุระเบิดชนิดใด และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนที่ชัดเจนกี่ราย
ด้าน พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยว่า เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุเสียงดังคล้ายระเบิด บริเวณเยื้องโรงแรมดุสิตธานี โดยมีเสียงดังขึ้นติดต่อกัน โดยบริเวณดังกล่าว มีประชาชนและผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายเดินสัญจรไปมา รวมทั้งประชาชนที่เลิกงานบางส่วน ต่างวิ่งหลบหนีกันจ้าละหวั่น ซึ่งขณะนี้ ยังไม่สามารถ ยืนยันว่า เหตุดังกล่าวนั้น เกิดจากวัตถุระเบิด หรือวัตถุชนิดใด เบื้องต้นจุดดังกล่าวนั้น มีรายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้บาดเจ็บ ล่าสุดที่โรงพยาบาลเลิดสิน มีรายงานว่า มีผู้บาดเจ็บ จากเหตุวัตถุคล้ายระเบิดเข้ารักษาตัวแล้ว จำนวน 7 ราย โดยผู้บาดเจ็บเป็นผู้ชุมนุมกลุ่มหลากสี ขณะที่รถไฟฟ้าใต้ดิน เอ็มอาร์ที ประกาศปิดให้บริการสถานีสีลมแล้ว หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

ความคืบหน้า เหตุการณ์คนร้ายลอบยิง วัตถุคล้ายระเบิด ใส่ผู้ชุมนุมกลุ่มหลากสี ที่เผชิญหน้ากันกับกลุ่มคนเสื้อแดง บริเวณแยกสีลมและใกล้เคียงกับโรงแรมดุสิต ล่าสุดเจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาล ประกอบด้วย โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลเซนหลุยส์ โดยทีมแพทย์อยู่ระหว่างการรักษา โดยพบว่า ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ มีบาดแผลจากการถูกสะเก็ดระเบิดตามร่างกาย และมีบางรายที่ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ศรีษะ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บรรยากาศ บริเวณแยกสีลม และจุดที่เกิดเหตุดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรึงกำลังแล้ว และสั่งห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่ ขณะที่ผู้ชุมนุมกลุ่มหลากสีบางส่วน ได้ทยอยเดินทางออกนอกพื้นที่แล้ว ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดง ทางแกนนำได้ประกาศห้ามผู้ชุมนุมออกนอกเขตบังเกอร์โดยเด็ดขาด เนื่องจากไม่มั่นว่า จะเกิดเหตุระเบิดอีกหรือไม่

ผอ.ศูนย์เอราวัณ เผย ยอดคนเจ็บ จากเหตุระเบิด 5 ครั้ง ย่านสีลม สูง 30-40 ราย ส่งรักษา 5 ร.พ.เลิดสิน, กรุงเทพคริสเตียน, กรุงเทพเนอร์สซิ่งโฮม, จุฬาฯ, พระมงกุฎ

ในขณะที่รถไฟฟ้า MRT ขอแจ้งปิดสถานีหัวลำโพง สามย่าน สีลม ลุมพินี และคลองเตย จนไปถึงเวลาปิดให้บริการ 24.00 น. ส่วนรถไฟฟ้า BTS ปิดให้บริการสายสีลม

ทั้งนี้ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. เปิดเผย ถึงเหตุการณ์เกิดเหตุระเบิดที่กลางสี่แยกสีลมว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าวัตถุระเบิดดังกล่าว เป็นระเบิดชนิด เอ็ม 79 โดยยิงมาทั้งหมด 5 นัด จุดแรก 3 นัด ลงที่หลังคาสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง ส่งผลให้มี ผู้บาดเจ็บจำนวน 3 ราย เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 ราย ประชาชน 1 ราย และเจ้าหน้าที่ทหาร ส่วนจุดที่ 2 บริเวณ ชั้น 2 เส้นทางสกายวอล์ค ของสถานีไฟฟ้าบีทีเอส เชื่อมต่อกับห้างสรรพสินค้า ส่วนจุดที่ 3 หน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา เบื้องต้นได้มีการทยอยนำผู้บาดเจ็บ ส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง ทำการรักษา โดยผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ ได้รับบาดแผลจากสะเก็ดระเบิด ส่วนจุดที่ยิงระเบิดนั้น จากวิถีที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า อาจมาจาก จุดหลังลานพระรูป ร.6 หรือ จาก เวทีปราศรัยย่อย ของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ ศาลาแดง ซึ่งจุดที่ระเบิดทั้งหมดนั้น เป็นจุดยิงที่เดียวกัน ซึ่งต้องให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบ และขณะนี้ทุกจุดที่เกิดเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรึงกำลังเรียบร้อยแล้ว และขอให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่

อย่างไรก็ตาม ทางด้านศูนย์เอราวัณ แจ้งว่า ขณะนี้มีผู้บาดเจ็บ ทั้งหมดกว่า 30 ราย กระจายรักษาตามโรงพยาบาลใกล้เคียง และมีสาหัส 3-4 ราย ซึ่งขณะนี้ ตัวเลขผู้บาดเจ็บ ยังไม่นิ่ง เนื่องจากมีผู้บาดเจ็บ บางรายที่ยังไม่รู้ตัวว่า ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่านายกฯ ได้รับรายงานเหตุความวุ่นวายที่บริเวณแยกศาลาแดง ถนนสีลม เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาแล้ว โดยขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการควบคุมสถานการณ์ให้ได้โดยเร็ว และเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้เบื้องต้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุใช้เครื่องยิงวัตถุระเบิดชนิด M79 ไปที่ใต้สถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส ศาลาแดง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย หนึ่งในนั้นมีชาวต่างชาติถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณขาด้วย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่า ผู้ก่อเหตุจะเป็นชุดเดียวกัน กับวันที่สร้างสถานการณ์ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. หรือไม่

ด้าน น.พ.เพชรพงษ์ กำจรกิจ ผู้อำนวยการศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ กทม. เปิดเผย เหตุการณ์คนร้ายลอบยิงระเบิด M79หลายจุดย่านสีลม ล่าสุดมีผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตแล้ว 1 ราย โดยเป็นชายไทย ไม่ทราบชื่อ ซึ่งขณะนี้ ทีมแพทย์ และพยาบาลอยู่ระหว่างการตรวจสอบและติดตามญาติ ส่วนผู้บาดเจ็บนั้น ขณะนี้มีจำนวนกว่า 40 ราย กระจายรักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆ ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้น ก็มีอาการสาหัส ซึ่งทีมแพทย์และพยาบาลอยู่ระหว่างการช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และเก็บพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังเกิดเหตุดังกล่าว มีประชาชนที่อาศัยใกล้จุดเกิดเหตุได้เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และนำผู้บาดเจ็บบางรายปฐมพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงน้ำใจของคนไทย แต่ขณะที่ถนนสีลมขณะนี้ มีเจ้าหน้าที่ทหารตรึงกำลังเรียบร้อยแล้ว และกันประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่ ซึ่งมีรายงานว่า นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมด่วน เพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
รายชื่อผู้บาดเจ็บ จากเหตุระเบิดหลายครั้ง ที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้า ศาลาแดง ข้างโรงแรมดุสิต และหน้าธนาคารกรุงเทพ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ กว่า 20 ราย

ผู้ที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน มีจำนวน 23 ราย ได้แก่1. Benjamin Rowm 2. บุญยเกียรติ ศรีโพธิ์งาม 3. วิษณุ เตชะวิทจินดา อายุ 23 ปี 4. พรทิพย์ วรรณวิมลสุข อายุ 47 ปี 5. ธงคจร มากสัมพันธ์ 6. พีรพงษ์ มาศธะกาย อายุ 19 ปี 7. สุนทร ตาคำทรัพย์ 8. เตือนใจ ทัดศรี 9.นายถิรวัฒน์ ต่างสันเทียะ อายุ 42 ปี 10. เรณู เกิดพ่อแด 11. น.ส.จุฑารัตน์ เสตะจันทน์ อายุ 36 ปี 12.อรวรรณ วิทยาสุข อายุ 53 ปี 13. สิทธิโชค ชูศิริยานัน 14. สมชัย ชูศิริยานันนกุล 15. นางชลารินทร์ ใจใกล้ 16. นายศราวุทธ ชูศิริยานันทกุล 17. นายสุวรรณ จันทรเสน อายุ 44 ปี 18. อนุรัตน์ ไม่ทราบนามสกุล 19. จุฑานุช แซ่เบ๊ อายุ 22 ปี20. หทัยทิพย์ พิบูลกุลสัมฤทธิ์ 21. อรทัย ศรีอำภา 22. พจนีย์ มานตรี อายุ 55 ปี 23. นายชาญชัย สายโพ
ผู้ที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลเลิดสิน มี 3 ราย ได้แก่ 1.ณัฐนันท์ (ไม่ทราบนามสกุล) 2.จันทรา ภู่รุ่งทรัพย์ 3. อาจารี เพ็ชรธนาวราภรณ์

ความคืบหน้า เหตุการณ์ระเบิดหลายจุดย่านสีลม ล่าสุดศูนย์เอราวัณ เปิดเผย ยอดผู้บาดเจ็บ ณ เวลา 23.00 น.มียอดผู้บาดเจ็บ 68 ราย ผู้เสียชีวิต 1 ราย โดยผู้เสียชีวิตมีบาดแผลฉกรรจ์ที่หน้าอก ซึ่งขณะนี้ทีมแพทย์ ได้ทำการชันสูตรศพที่ โรงพยาบาลจุฬาฯ โดยผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ กระจายรักษาตามโรงพยาบาลใกล้เคียง ประกอบด้วยโรงพยาบาลเลิดสิน จำนวน 19 ราย สาหัส 2 ราย โรงพยาบาล บีเอ็นเอช 3 ราย โรงพยาบาลจุฬาฯ กว่า 30 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบาดแผลจากสะเก็ดระเบิด

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการชุมนุมของคนเสื้อแดง ก็ได้เกิดเสียงคล้ายยิงพลุบ่อยครั้ง เนื่องจาก มีการยิงพลุ และปล่อยโคมลอย รบกวนการบินเฮลิคอปเตอร์ที่บินวนเวียนตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น