วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2553

faceบุ๊คอำมหิตธิปไตย กับลัทธิคลั่งเจ้า

faceบุ๊คเล่นกันดุคิดต่างถึงกับขู่ฆ่า โยงมั่วอุตลุตกล่าวหาเป็นขบวนล้มเจ้า อีกรายตกเป็นเหยือคดีหมิ่น

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์30 เมษายน 2553

face bookเป็นเครือข่ายทางสังคมที่ไม่ได้มีแต่"เพื่อน"อีกต่อไป เมื่อความแตกต่างทางความคิดในสถานการณ์ทางการเมืองอาจทำให้คุณติดคุกคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โทษสูงสุด 15 ปีก็ได้ หรือคุณอาจถูกเข้าใจผิดโดนโยงใยเป็นขบวนการล้มเจ้า และถูกขู่ฆ่าโดยที่คุณอาจไม่รู้ตัวเลยก็มี และต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงเสียด้วย

จับ"นักธุรกิจเมืองระยอง"อ้างเล่นface bookโพสต์ข้อความหมิ่นเบื้องสูง

วันนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ควบคุมตัวนายวิภาส หรือ ก้อง รักสกุลไทย นักธุรกิจ จ.ระยอง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ไปจนถึงวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปาก รวมทั้งพยานผู้เชี่ยวชาญและรอผลการตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหา ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากเกรงว่า หากได้รับการปล่อย
ตัวจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน

ตามคำร้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 29 เมษายน เวลา 11.15 น. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 913/2553 ลงวันที่ 28 เมษายน 2553 ในความผิดฐาน ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (3)(5) ที่นำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเผยแพร่ส่งต่อข้อมูลใด ๆ ที่รู้อยู่แล้ว่าการส่งข้อมูลนั้น
เป็นความผิด ซึ่งเมื่อวันที่ 19 มีนาคม – 12 เมษายน 2553 ผู้ต้องหาได้ทำการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ โดยการโพสต์ภาพและข้อความที่ไม่เหมาะสมในเว็บไซต์เฟสบุ๊คดอมคอม
www.facebook.com ในชื่อ Wipas Raksakulthai ที่ผู้ต้องหาได้เป็นสมาชิก

ทั้งนี้หากศาลอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาแล้ว พนักงานสอบสวนมีความจำเป็นต้องสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติมและเพื่อสะดวกในการสอบสวน จึงขออนุญาตศาลนำตัวผู้ต้องหามาควบคุมต่อที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ศาลพิจารณาคำร้องแล้วสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

เผยมีเวบไล่ล่าคนคิดต่างส่งตำรวจรวบตัว

ก่อนหน้ามีการจับกุมผู้ต้องหารายนี้ ได้มีเวบไซต์แห่งหนึ่ง คือ
http://teenoireturns.freeforums.org/topic-t156-80.html ไปเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวลงในเวบ ทั้งชื่อ นามสกุลจริง โทรศัพท์มือถือ เบอร์อีเมล์ สถานที่พัก สถานศึกษาเดิม

นอกจากนั้นมีการโพสต์ข้อความกล่าวหาคนที่คิดเห็นต่างหลายคนไปในทำนองว่ามีทัศนคติที่จะล้มเจ้า

นักเขียนอิสระ"อริน"โวยโดนไล่ล่าด้วยคน โยงมั่วแล้วขู่ฆ่าทางface book

คุณอริน ซึ่งเป็นนักเขียนอิสระ และเล่นface book เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2553 ผมเริ่มได้รับการขอเพิ่มเป็นเพื่อนแบบแปลกๆ จำนวนมาก (และมากขึ้นทุกที) จากบุคคลที่ผมไม่รู้จักใน facebook จนต่อมาในวันที่ 27-28-29 จึงมีการส่งข้อความใช้ภาษาหยาบคายและอาฆาตมาดร้าย ดังเช่นKamhang Tivanon:27 เมษายนเวลา 11:07 น.
ไอ้เหี้ยหัวควย ทรราชย์ขอให้มึงตายบนถนนเหมือนหมาข้างถนนอย่างที่มึงเป็น
Thanawan Piban:27 เมษายนเวลา 23:24 น.

เควี่ย ได้อีก
Mon Montagarn:28 เมษายนเวลา 0:31 น.

1ในแกนนำให้เกิดความวุ่นวายในประเทศขอให้แนะนำ ให้มึงไปตายห่าซะ เอาหนังสือ บทความห่าๆลงนรกไปด้วยกูขอสนับสนุนให้รัฐ ใช้ความรุนแรงทุก รูปแบบกับพวกเสื้อแดง ใช้อาวุธจริง กระสุนจริง วันที่เลือดหมาแดงเต็มถนน เป็นวันที่กูจะยินดีเป็นที่สุดกูทำงานอยู่ตึก เดียวกะเมียมึง ถ้ากูเจออีดอกนั่นอีก พวกกูจะรุมกระทืบมันเอง
Donuty Kwang:28 เมษายนเวลา 23:24 น.

ขอ ให้มึงไม่ตายดี หนักแผ่นดิน
Teeravee Muckanaso:28 เมษายนเวลา 22:53 น.

มึง เป็น เหี้ย ไร วะ สัตว์
Roj Jor:29 เมษายนเวลา 16:18 น.

มึงทรยศต่อราชบัลลังก์ มึงต้องตายโหง

จากนั้นในเวลา ประมาณ 14.00 น. ของวันที่ 30 เมษายน 2553 จึงมีมิตรสหนยในโลกไซเบอร์ ส่งลิงค์ ซึ่งประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ โดยมีเนื้อหามุ่งให้เกิดความเกลียดชังและมุ่งร้ายหมายขวัญตัวผมตามลิงค์นี้
http://teenoireturns.freeforums.org/topic-t156-80.html
โดยมีข้อความว่า
วงศ์วิภา เกษชโลม(02 345 5540)ทำ งานอยู่ DHLเป็นระดับ HR Manager ปัจจุบันอายุ 31 ปีเกิด 14 มิถุนายน 1979
สามี ชื่อ RUNGROJ WATANASUTHI สามีอายุ 52 ปีสามี :
http://th-th.facebook.com/profile.php?id=1792040961

และ ตามล้วงแคะเกะเกาจากอากู๋ได้อีกว่าวัฒนา สุขวัจน์ (รุ่งโรจน์ "อริน" วรรณศูทร) นักเขียน-นักหนังสือพิมพ์อิสระวัฒนา สุขวัจน์ คอลัมนิสต์ นสพ.Voice of Taksin

ซึ่ง อริน นี้เป็น advance member ของเวป ชุมชนคนเหมือนกัน (พวก ฟดก พวกดึงฟ้า)
http://weareallhuman.net/index.php?showtopic=42327
ส่วน ชื่อ วัฒนา สุขวัจน์ นั้นเคยลงรายชื่อในจดหมายต้ามม๊อบ พธม. โดยลงชื่อ ว่า "วัฒนา สุขวัจน์ คอลัมนิสต์ นสพ.Voice of Taksin"(http://konthaiuk.com/forum/index.php?topic=5614.0)

ทั้งนี้ผมหาได้มีความเกี่ยวข้องหรือรู้จักเป็นการส่วนตัวกับสุภาพสตรีตามชื่อใน กระทู้ดังกล่าวแต่อย่างใด

นั่นหมายความว่า ตอนนี้ผมเป็น "เป้า" แล้ว หลังจาก domain name ผมหายไปจากโลกโซเบอร์แบบไม่มีร่องรอย ทั้งๆที่ผมไม่เคยเขียนบทความ/กระทู้ "ละเมิดกฎหมาย" ไม่ว่าจะในมาตราใด อีกทั้งการเสนอระบอบรัฐประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ที่ผมยืนยันมาตลอดคือ "การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ"

ผมไม่ได้เรียกร้องความเป็นธรรม เพราะเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ในสังคม 2 มาตรฐานนั้น "ความเป็นธรรม" เป็นสิ่งที่ไม่อาจมีอยู่จริง...

หากในกรณีนี้ ที่ผมตกเป็นผู้เสียหายจากการกระทำและคำพูดที่มีลักษณะใส่ร้ายอันเป็นเท็จ จริงนี้ ผมหวังว่าผู้เกี่ยวข้องในเว็บบอร์ดดังกล่าว จะยุติการเผยแพร่ข้อความ และลงประกาศแก้ไขให้เกิดความถูกต้อง เพื่อที่ผมจะได้ยุติความคิดที่จะดำเนินการเพื่อให้เกิดความถูกต้องชอบธรรมต่อไป.

สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล: วิเคราะห์สถานการณ์ ในวันคืนสุดท้ายก่อนการนองเลือดใหญ่

Wed, 2010-04-28 20:52

สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

คำชี้แจง: ข้อเขียนข้างล่างนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนทั้งในแง่ข้อมูลและความคิดกับคนที่ติดตามสถานการณ์ที่ผมรู้จัก 2-3 คน แต่การเรียบเรียงออกมาทั้งที่เป็นข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เห็นข้างล่างทั้งหมด ย่อมเป็นความรับผิดชอบของผมคนเดียว ผมพยายามเขียนอย่างสั้น รวบยอดที่สุด ไม่มีการอภิปรายรายละเอียดในแต่ละประเด็น ซึ่งความจริงสามารถอภิปรายขยายความได้อีกมาก

(1) ขณะนี้การใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมที่ราชประสงค์ของรัฐบาล และการตัดสินใจที่จะ "ชน" กับการสลายการชุมนุม ของทักษิณและแกนนำ นปช. (รวมทั้งความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะใช้ยุทธวิธี "คนชุดดำ" ที่เป็น "อาวุธลับ"ของพวกเขา) แทบจะกล่าวได้เลยว่า ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แน่นอนแล้ว

(2) ซีกรัฐบาลที่ผลักดันให้สลายการชุมนุมด้วยกำลัง (ไม่ประนีประนอมเด็ดขาด) ที่สำคัญคือ y และบรรดาคนแวดล้อมใกล้ชิด, เปรมและเครือข่าย และบรรดาฮาร์ดไลน์ ใน ปชป. เช่น ชวน บัญญัติ กรณ์ส่วนอภิสิทธิ์-สุเทพ แม้เริ่มแรกของความขัดแย้งนี้ ระดับ "ฮาร์ดไลน์" จะน้อยกว่าพวกนี้เล็กน้อย แต่เพิ่มมากขึ้นๆ ถึงระดับที่เอาด้วยกับวิธีแก้ปัญหาด้วยการสลายชุมนุมแล้ว
(3) ที่เป็น "ตลกร้าย" (irony) คือ ในซีกรัฐบาล ตัวสำคัญที่มีลักษณะ "ฮาร์ดไลน์" น้อยสุด กลับเป็นอนุพงษ์ ที่นอกจากเสนอให้รัฐบาลพิจารณายุบสภา (ซึ่งเป็นการเสนอที่นับว่าใหญ่มาก แม้อนุพงษ์จะไม่กล้าถึงขนาดออกมาแตกหักออกทีวี เสนอให้ยุบ เหมือนสมัยรัฐบาลสมชาย) และเสนอให้แก้ปัญหาการเมืองด้วยการเมืองแต่อนุพงษ์เองก็คงไม่สามารถ "เตะถ่วง" การเตรียมสลายการชุมนุมได้ และคงเดินหน้าเตรียมการไปด้วย แม้จะอย่างช้าๆ กว่าที่พวกฮาร์ดไลน์ หรืออภิสิทธิ์-สุเทพ จะชอบใจกรณีเอกสาร "เครือข่ายล้มเจ้า" และการพูดที่แวดล้อมในเรื่องนี้ ส่วนหนึ่ง นอกจากเพื่อสร้างข้ออ้างแบบ "ละครแขวนคอ" สำหรับการใช้กำลังปราบแล้ว มีผลในแง่การบีบคนอย่างอนุพงษ์ด้วยว่า ปล่อยให้ "ขบวนการล้มเจ้า" ดำรงอยู่โดยไม่ปราบได้อย่างไร

เหตุที่ขุนทหารอย่างอนุพงษ์ กลายเป็นตัว "เตะถ่วง" การใช้กำลังอาวุธสลายชุมนุม ไม่เกี่ยวกับเรื่องความเป็นคนดีอะไร แต่มาจากโครงสร้างทางการเมืองและอำนาจของสังคมไทยโดยรวม คือ ขณะนี้ เป็นไปไม่ได้ ที่ทหารจะขึ้นกุมอำนาจแท้จริง เป็นหัวหน้ารัฐบาล (ไม่เหมือนสมัยก่อน 14 ตุลา หรือแม้แต่ไม่เหมือนกรณีสุจินดา) ดังนั้น ทหารจึงอยู่ในฐานะเป็นได้เพียง "เบ๊" ของรัฐบาล และกำลังที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาล ต่อให้ทำได้สำเร็จ (สลายชุมนุมด้วยอาวุธ) ก็
ไม่ได้อะไร คือ ไม่ได้เป็นตัวกุมอำนาจเอง (ไม่เหมือนสมัยก่อน ที่ถ้าทำสำเร็จ ก็ประกาศรัฐประหารเป็นรัฐบาลเองได้) แต่ถ้าล้มเหลว ก็ถูกด่าประณามไป นี่คือ "เหตุผลเชิงโครงสร้าง" ที่ทำให้เห็นเรื่อง irony ที่ อนุพงษ์ กลายเป็น ฮาร์ดไลน์ น้อยที่สุด (แม้แต่ในกรณี 7 ตุลา ที่ y และบรรดาคนใกล้ชิด รวมทั้งพวกพันธมิตร ออกมาโวยวายให้อนุพงษ์ยึดอำนาจ แต่อนุพงษ์ไม่กล้าทำ ก็มาจาก "เหตุผลเชิงโครงสร้าง" แบบเดียวกัน)

(4) ซีกทักษิณและแกนนำฮาร์ดไลน์ นปช. (โดยเฉพาะ จตุพร) ตัดสินใจ "ชน" เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว การ "ชน" อย่างมาก ก็ "เสมอตัว" ไม่เสียมากกว่าที่เป็นอยู่ (พวกเขาไม่ได้เอาเรื่องชีวิตคนที่อาจจะเสียเพิ่มขึ้นมาเป็นประเด็นสำคัญในการคำนวณอยู่แล้ว)

ตัวทักษิณเอง หลังความล้มเหลวเรื่องฎีกา และหลังการถูกยึดทรัพย์แล้ว ก็ไม่มีแรงจูงใจอะไรให้ "ยั้ง" อีก (ก่อนหน้านี้ ยังหวังว่า 2 เรื่องนี้ อาจจะมีสัญญาณประนีประนอมจากอีกฝ่าย)

(5) กำลัง "คนชุดดำ" เป็นของซีกทักษิณ-แกนนำฮาร์ดไลน์ นปช. ค่อนข้างแน่นอน ไม่เพียงดูจากการที่คนเหล่านี้ โจมตีเฉพาะทหารรัฐบาล แต่จะเห็นว่า ขณะที่มีการจับ "แดงปลอม" ในหมู่ผู้ชุมนุมได้ตลอดเวลา กลับไม่สามารถ จับ "คนชุดดำ" ได้สักคนเดียว และการปฏิบัติงานใหญ่โตระดับนี้ (แฝงตัวในหมู่ผู้ชุมนุม โจมตีทหารสำคัญของรัฐบาลด้วยอาวุธ) เป็นไปไม่ได้ที่ระดับทักษิณ และแกนนำ จะไม่รู้เห็นด้วย (ความจริง ผมได้ยินการบอกเล่าในเชิง "ข่าวกรอง"
และ "ข้อมูลเชิงลึก" ในทิศทางนี้ด้วย แต่ไม่จำเป็นต้องยึดถือ "ข่าวกรอง" เหล่านั้น ผมก็ยังเห็นเช่นนี้อยู่เอง)
การโยนระเบิดสถานที่ต่างๆ คงเป็นฝีมือของคนกลุ่มนี้ เพื่อทำให้สถานการณ์เสียเสถียรภาพมากขึ้นการยิงผุ้ชุมนุมสีลม ก็น่าจะเป็นฝีมือคนกลุ่มนี้ ไม่น่าจะใช่ฝีมือซีกรัฐบาล ไม่ใช่เพราะรัฐบาลสร้างสถานการณ์ไม่เป็น แต่ถ้ารัฐบาลจะสร้างสถานการณ์ด้วยกรณีอย่างสีลม ควรจะต้องมีมาตรการ "ต่อเนื่อง" ซึ่งเห็นได้ว่า ไม่มี

6) การตัดสินใจ "ชน" ของทักษิณและแกนนำ นปช.ครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจอย่างรู้ตัวว่า กำลังชนกับอะไร เพราะในแง่ทักษิณเอง ดังที่กล่าวข้างต้นว่า "แรงจูงใจ" ที่จะ "ยั้ง" ไม่เหลืออีกแล้ว (ไม่นับความโกรธกรณียึดทรัพย์อีก) ในแง่แกนนำ นปช.หลายคน ก็เช่นกัน การ "ชน" นั้น อย่างแย่สุดสำหรับพวกเขาก็ "เสมอตัว" ไม่แย่ไปกว่าที่เป็นอยู่ หรือไม่แย่กว่าการ "ยอมลง" เพราะถ้ายอมลง ก็โดนคดีต่างๆ เล่นงานหนักแน่ตั้งแต่เริ่มการชุมนุมใหม่ๆ (ก่อนกรณี 10 เมษา หลายวัน) มี "บทวิเคราะห์" ใน ไทยอีนิวส์ เสนอว่า การรณรงค์ครั้งนี้ ทักษิณรู้ตัวว่า ในที่สุดแล้วจะแพ้ จะถูกปราบ แต่มีเป้าหมายลึกกว่านั้น คือ เพื่อ "ฉีกหน้ากาก" คนที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาล ดึงให้คนเหล่านั้น "ออกมาเล่นเอง" เพื่อทำให้มวลชนที่สนับสนุน เกิดอาการ "ตาสว่าง" โดยเฉพาะ "ตาสว่าง" ยิ่งกว่าเดือนตุลาคม 2551 เพราะหวังว่า จะทำให้ x ออกมาเอง ผมเห็นว่า บทวิเคราะห์นั้น มีลักษณะ overstated คือ พูดเกินไปอยู่ แต่ไม่ถึงกับ ไม่จริงเสียทีเดียว ผมคิดว่า ส่วนหนึ่งของการตัดสินใจ "ชน" ในขณะนี้ อาจจะไม่ถึงกับเป็นข้อสรุปที่แน่นอนตั้งแต่เริ่มต้นการชุมนุมวันแรกๆ (อย่างที่บทความนั้นเสนอ) แต่อย่างน้อย ต้องเป็นไอเดียประเภท "คาดการณ์" อยู่บ้างแน่นอน แต่หลังการชุมนุมพัฒนาไป และเห็นได้ชัดว่า อีกฝ่าย ไม่มีทีท่าจะยอมประนีประนอม ฝ่ายทักษิณและแกนนำ นปช. ก็ตัดสินใจในทางนี้ แน่นอนแล้ว และไม่ยอม "ลง" เด็ดขาด ไม่ว่าจะมีความเสี่ยงของการเสียชีวิตคนจำนวนมาก (ดังที่กล่าวว่า การเสียชีวิตคน ไม่อยู่ในการคำนวนสำคัญของพวกเขา)

เห็นได้ชัดเช่นกันว่า การตัดสินใจ "ชน" ของทักษิณและแกนนำ นปช. เป็นการตัดสินใจที่รู้ว่าจะ "ชน" กับใคร การพูดถึง "จ.จ." ของจตุพร และการที่วิสา ถึงกับออกมาพูดบนเวที เมื่อวันก่อนว่า "ข่าววงในการประชุมของรัฐบาลว่า....นายอภิสิทธิ์แจ้งที่ประชุมว่า นายปีย์ มาลากุล ได้แจ้งมาว่า ผู้ใหญ่สูงสุดไม่ให้ยุบสภาโดยเด็ดขาด" (ข่าวมติชนออนไลน์ 26 เมษายน เวลา 21.45 น.) แสดงว่า ต้องมีการพูดคุยกันแล้วในเรื่องนี้ในหมู่แกนนำ พูดง่ายๆ คือรู้ดีว่า ข้อเรียกร้องยุบสภา ไม่มีทางสำเร็จ ไม่ว่าจะถึงขั้นปะทะ แต่ก็ยังยืนยันจะปล่อยให้มีการปะทะ โดยถือว่า นี่เป็นการปะทะ หรือ "ชน" กับใครบางคน

"กิจกรรม" ของ จิ๋ว-สมชาย เมื่อหลายวันก่อน เป็นสิ่งที่ต้องมาจากทักษิณแน่นอน เพราะในขณะที่ จิ๋ว อาจจะมี ความเป็นตัวเองอยู่บ้าง สมชาย ไม่มีทางทำอะไรสำคัญๆ โดยไม่ปรึกษาทักษิณแน่

กิจกรรมดังกล่าว คิดว่า เป็นทั้งการที่ทักษิณ "กดดัน" และเป็นทั้งการ "เปิดทางลงให้" ใน "นาทีสุดท้าย" (โดยเฉพาะคงหวังให้ x จะ "บายพาส" y และเครือข่าย) แต่ในเมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับอะไร การตัดสินใจ "ชน" ก็เป็นสิ่งที่ทักษิณ-แกนนำ นปช. เดินหน้าต่อไป

ในบรรดา แกนนำ นปช. คนอย่าง จรัล คงพยายาม ดึงให้ไปสู่ทิศทาง "หาทางลง" การให้สัมภาษณ์ รอยเตอร์ หลัง 10 เมษาไม่กี่วัน และก่อนที่จะมี "ข้อเสนอใหม่ 30 วัน" คงมาจากความพยายามนี้ อันที่จริง เชื่อว่าข้อเสนอ "30 วัน"

ส่วนหนึ่ง นอกจากเพื่อเปิดเกมรุกรัฐบาลแล้ว คงเป็นผลมาจากการ "ประนีประนอม" หรือ การที่ฝ่าย ฮาร์ดไลน์ ในแกนนำ ยอม "อ่อน" ให้กับคนอย่างจรัล ในการถกเถียงภายในบ้าง แต่จริงๆ แล้ว เป็นการ "อ่อน" ในลักษณะที่ไม่จริงจังอะไร เพราะข้อเสนอเพิ่มวันเพียง 15 วัน ไม่มีทางนำไปสู่ผลในทางปฏิบัติอะไร โดยเฉพาะถ้าท่าทีทั่วไป เรื่องการยึดราชประสงค์ ยังคงเดิม

(7) ณ วินาทีนี้ สิ่งที่เป็น irony ที่สุด (นอกจากกรณีอนุพงษ์ ที่กล่าวถึงข้างต้น) คือ อาจจะมี เพียง "ปาฏิหาริย์" เท่านั้น ที่สามารถ "หยุด" การนองเลือด ในวินาทีสุดท้ายได้ เพราะไม่มี factor อื่นอีก ที่มี "กำลังภายใน" ในระดับที่สามารถบีบให้ ฮาร์ดไลน์ ทั้ง 2 ซีก ยอม "ถอย" ได้

ผมเชื่อมาสักระยะหนึ่ง และเห็นว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาในระยะไม่กี่วัน (หรือย้อนหลังไปถึงปลายปีก่อน) ยืนยันความเชื่อนี้ว่า ขณะนี้ "ปาฐิหาริย์" "ไม่ฟังชั่น" (หมดสภาพทำงาน) แล้ว มีลักษณะเป็นเพียง automation (กลไกที่ทำงานโดยอัตโนมัติ) ไม่สามารถมี initiative เองแล้ว .....

อันที่จริง การที่ "ปาฐิหาริย์" อยู่ข้างเดียวกับซีกรัฐบาล ไม่เป็นที่ต้องสงสัย แต่หาก "ปาฐิหาริย์" ยัง "ฟังชั่น" เหมือนก่อน ก็อาจจะมีความเป็นไปได้เล็กๆ ของการ "ลง" ของ ฮาร์ดไลน์ ทั้งสองฝ่ายได้

(8) ผมเสียใจอย่างไม่สามารถบรรยายเป็นตัวหนังสือได้ ถึงการเสียชีวิตของคนเสื้อแดงธรรมดาๆ เมื่อ 10 เมษา และความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะมีการเสียชีวิตอีกหลายคน

ตั้งแต่การล่มสลายของขบวนการฝ่ายซ้ายในกลางทศวรรษ 2520 เป็นต้นมา ที่ "หัว" ของ "พลังประชาธิปไตย" ที่ "หัว" ของความต้องการสิทธิความเป็นคน สิทธิในการกำหนดชะตากรรมตัวเองของมวลมหาประชาชน ยืนอยู่ด้วยคนที่คุณสมบัติ (credentials) ทางประชาธิปไตย มีอยู่น้อยนิด นี่เป็นความจริงตั้งแต่กรณี 17 พฤษภาคม มาจนถึงสิ่งที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ....

วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2553

พ.อ.สรรเสริญ:ทหารต้องป้องกันตัว


"ยอมรับว่า การสลายกลุ่มผู้ชุมนุมที่ตลาดไทและอนุสรณ์สถานแห่งชาติในวันนี้ (28 เม.ย.53) มีการใช้กระสุนจริง เพราะทหารตำรวจมีเลือดเนื้อ เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมมีอาวุธสงคราม และยิงใส่เจ้าหน้าที่ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องป้องกันตัวโดยไม่สามารถปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้า ใกล้เกินกว่า 30-40 หลาได้ ตามที่ ศอฉ.ได้แจ้งแนวทางไว้"


"กำลังทหาร ตำรวจพร้อมเต็มที่ในการเข้าสลายการชุมนุม แต่ต้องอยู่ในห้วงเวลาที่เหมาะสม และหากกลุ่มผู้ชุมนุมจะบุกไปยังสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในวันพรุ่งนี้ (29 เม.ย.53) ทาง ศอฉ. ก็จะดำเนินการเช่นเดียวกับการสกัดกั้นที่ตลาดไทและอนุสรณ์สถานแห่งชาติเช่น กัน"


พันเอก สรรเสริญ แก้วกำเนิด

โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)

28เม.ย.53

ลำดับสถานการณ์ปะทะแดง-ทหาร28เม.ย.53

00.44 น. จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ยืนยัน กลุ่ม นปช.มีความจงรักภักดีต่อสถาบันขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อีกหนึ่งแกนนำ นปช.ที่ยังเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียุบสภา

01.42 น. ทหารกองทัพภาคที่ 4 สนธิกำลังตร.ภูธรภาค 3 ตรึงเข้มบริเวณสถานีรถไฟฟ้าอโศก โดยกระจายกำลังประจำบริเวณพื้นผิวถนนและทางขึ้นลงรถไฟฟ้าดูแลรักษาความปลอดภัยแหล่งธุรกิจ

03.27 น. อาเซียน กังวล เหตุการร์ความไม่สงบของประเทศไทย ที่อาจปานปลาย และส่งผลกระทบต่อการลงทุนจากชาวต่างชาติ

03.30 น. ผู้ชุมนุม นปช. อ้างถูกกลุ่มวัยรุ่น เมาสุรา ใช้ของแข็งตีศีรษะจนแตก บริเวณใต้สะพานคนข้าม ตรงข้ามประตูน้ำเซ็นเตอร์

03.37 น. เกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดปิงปองใส่ทหารที่ประจำการณ์อยู่บริเวณแยกอังรีดูนังต์ แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เชื่อคนร้ายปามาจากสะพานข้ามแยกดังกล่าว

04.20 น. นายกฯอภิสิทธิ์ เผยสื่อนอก ลงจากเก้าอี้นายกฯแน่ หากเชื่อว่าตนเป็นอุปสรรคต่อความมั่นคงของประเทศ ยันปัญหาบ้านเมืองมีเรื่องก่อการร้ายเจือปน พร้อมแย้มมีแผนประกาศใช้กฏอัยการศึก

04.51 น. เกิดเหตุระเบิดธนาคารกรุงเทพ สาขา ตลิ่งชัน ถนนบรมราชชนนนี ตร.คาดเป็นระเบิด M79 ยิงมาจากทางต่างระดับคู่ขนานลอยฟ้า

05.55 น. บรรยากาศการชุมนุมแยกราชประสงค์ยังคงคึกคัก และไม่ได้ตึงเครียดเหมือนทุกวัน เนื่องจากขณะนี้ ยังไม่พบว่ามีกำลังทหารเข้ามาประชิดใกล้ที่ชุมนุม

05.48 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สนธิกำลังทหาร ประจำสถานีรถไฟฟ้า BTS ป้องกันการระดมพลกลุ่ม นปช.ขณะที่ บีทีเอสยังให้บริการปกติ

07.32 น. บรรยากาศการรวมตัว ของกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ที่แยกราชประสงค์ ยังดำเนินไปตามปกติ โดยมีผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งปักหลักฟังการปราศรัยต่อเนื่อง

07.54 น. กลุ่มผู้ชุมนุม นปช. ย่านศาลาแดงมีจำนวนบางตาลงกว่าที่ผ่านมา ด้านเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจต่างตรึงกำลังด่านถนนสีลมอย่างเข้มงวดเช่นกัน

08.23 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล และชุดปราบจลาจลจาก จ.ฉะเชิงเทรา เข้าประจำจุด เตรียมความพร้อมที่ศาลอาญารัชดา ก่อนนำตัว นายเมธี อมรวุฒิกุล หนึ่งในผู้นำ นปช.ที่ถูกจับกุม มาส่งศาลพิจารณาฝากขัง

08.39 น. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ออกโรง ยืนยัน ไม่เคยอนุญาตให้คนกลุ่มไหนเข้าใช้พื้นที่ก่อเหตุร้าย ระบุแพทย์ไม่เข้าข้างใคร และไม่มี

08.42 น. นายกรัฐมนตรี พร้อมผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม ศอฉ.ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ในช่วงเช้า ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อ

08.43 น. "ขวัญชัย ไพรพนา" แกนนำ นปช. คาด อาจมีการนำกลุ่มผู้ชุมนุมไปที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT โดยให้แกนนำที่ไม่มีหมายจับนำการเคลื่อนขบวน

09.18 น. "ชินวรณ์ บุญเกียรติ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เตรียมเชิญผู้บริหารสถานศึกษา ผู้ปกครองและตัวแทนเยาวชน หารือข้อสรุปเพื่อขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม ขณะที่การร้องศาลแพ่งคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ต้องรอมติที่ประชุมก่อน

09.22 น. อังกฤษเพิ่มระดับเตือนพลเมือง เลี่ยงเดินทางเข้าเมืองไทย หลังมีเหตุระเบิดหลายจุดใน กทม.

09.44 น. อธิบดี ดีเอสไอ ยัน คดีพิเศษความมั่นคง เดินหน้าไปมากแล้ว จ่อออกหมายจับบุคคลเกี่ยวข้องจำนวนมากส่วน เมธี สารภาพพาดพิงหลายคน

09.50 น. "ขวัญชัย" แกนนำแดงปลุกมวลชน และรถกว่า 100 คัน รวมตัวแยกศาลาแดง ถนนพระรามสี่ เตรียมบุกสลายด่านของเจ้าหน้าที่ ในเวลา 10.30 น.นี้

09.56 น. อธิบดี ดีเอสไอ เผย จับชายต้องสงสัยเอี่ยวเหตุปะทะ 10 เม.ย. อีก 1 คน พร้อมโยน ศอฉ.สอบสวน ลือสะพัด เป็นมือยิง พ.อ.ร่มเกล้า

09.57 น. "ธาริต เพ็งดิษฐ์" ย้ำอีกครั้ง เมธี สารภาพสิ้น ส่วนหมายจับผู้เกี่ยวข้องจ่อออกจำนวนมาก แต่หนักใจการทำรูปคดี และหวั่นคนไม่เชื่อกระบวนการยุติธรรม หากมีผลทางคดี ส่วนวิถีกระสึนบึ้มสีลมรู้แล้ว10.27 น. โฆษก ศอฉ. ยัน ไม่มีรายงานจับผู้ต้องสงสัยยิง พ.อ.ร่มเกล้า ด้าน ผู้ว่าฯ ปทุมธานี ประชุมด่วนรับมือแดงบุกทลายด่านตรวจย่านตลาดไท

10.34 น. แกนนำ นปช.มีมติเคลื่อนพลไปตลาดไท เพื่อให้กำลังใจแดงปทุมธานี ย้ำปักหลักชุมนุมต่อไป ไม่หวั่นทหารเข้าใช้กำลังสลาย ปัดแดงจ้องล้มสถาบัน10.53 น. รองผู้การกองปราบ ยื่นคำร้อง ฝากขัง เมธี ดาราเสื้อแดง พร้อม ชี้แจง เหตุผลที่ไม่คุมตัวมาฝากขังยัน ระบุ ศอฉ จัดสถานที่ควบคุมให้ ตามพรก.ฉุกเฉิน

10.54 น. รองนายกฯ สุเทพ ชี้ พล.อ.ชวลิต มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการล้มเจ้า เตรียมออกหมายเรียกให้เข้าพบ แต่ถ้าไม่มา 2 ครั้ง ต้องออกหมายจับแน่

11.14 น. ปทุมธานี เตรียมกำลัง ทหาร ตำรวจ พร้อมจับกุมเสื้อแดง หลังเคลื่อนขบวนบุกตลาดไท 11.20 น. "พ.อ.อภิวันท์" ยืนยัน พล.อ.ชวลิต ไม่ใช่หัวหน้าขบวนการล้มเจ้า ส่วนกรณีเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคเพื่อไทย ยังมีความเห็นเป็น 2 ฝ่าย11.25 น. รองนายกฯ สุเทพ เผย รัฐบาลเตรียมบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด ย้ำไม่ยอมให้มีการตั้งด่านเถื่อนแน่นอน ขณะที่ยอมรับ การออกมาแสดงบทบาทของ นายเนวิน ชิดชอบ เป็นแรงกดดันต่อ

11.47 น. โฆษกพรรคเพื่อไทย เดินทางแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ กล่าวหานายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะกรรมการ ศอฉ.จากกรณีแจกเอกสารโครงข่ายหมิ่นสถาบันโดยมีชื่อสมาชิกพรรคปรากฏด้วย

11.50 น. บรรยากาศเวทีราชประสงค์ ยังคงมีแกนนำปราศรัยต่อเนื่อง ท่ามกลางผู้ชุมนุมที่ลดจำนวนลง เพราะส่วนหนึ่งเดินทางร่วมไปกับ "ขวัญชัย ไพรพนา"

12.13 น. รอง ผบช.น. สั่ง จราจรท้องที่ ดูแลขบวนเสื้อแดงผ่าน ขณะที่ หัวขบวนถึง ถ.ราชปรารภ แล้ว

12.17 น. "สาทิตย์" เผย รัฐบาล ตอบรับเข้าร่วมชี้แจงการอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติของวุฒิสภา พร้อมจัดการถ่ายทอดสดให้ด้วย ขณะที่ การเปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติของ 2 สภา ต้องขอประเมินสถานการณ์ก่อน

12.32 น. "ขวัญชัย ไพรพนา" นำผู้ชุมนุม นปช.เดินทางผ่านถนนวิภาวดีรังสิต ถึงช่วงแยกบางเขนแล้ว ขณะที่ช่วงเดินทางผ่านกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ มีการบีบแตรรถต่อเนื่องเป็นเวลานาน

12.55 น. ศปก.สตช แถลงข่าว ยัน นายกยังไว้ใจตำรวจทำตามนโยบาย ด้านโฆษก บชน ยัน ไม่ยอมให้ม๊อบตั้งด่านแทนเจ้าหน้าที่เด็ดขาด

13.11 น. "ชวนนท์" เผย ยังไม่มีประเทศใด ติดต่อขอเข้าสังเกตการณ์ ขณะที่ระบุ การเปลี่ยนชื่อและนามสกุล ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีผลต่อการติดตามจับกุมตัวและการดำเนินคดี

13.29 น. ตำรวจ ทหาร ตรึงกำลังเข้ม แยกศาลาแดง หวั่นกลุ่มเสื้อแดง และกลุ่มหลากสีปะทะกันอีก ขณะที่ค่ำวันนี้ รมว.พม.เป็นประธาน ฌาปนกิจศพ ผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิด

13.31 น. "นพดล ปัทมะ" เตรียมฟ้อง รองนายกฯสุเทพ และ ศอฉ. กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เบื้องหลังขบวนการล้มสถาบัน พร้อมปัดชาวมอนเตเนโกร ตะโกนให้กลับบ้าน

13.41 น. พล.อ.ชวลิต ประกาศ พร้อมเดินทางเข้าพบ ศอฉ. แต่หากไม่ออกหมายเรียก จะบุกราบ 11 วันที่ 30 เม.ย. ด้วยตัวเอง

13.45 น. เจ้าหน้าที่ทหาร ตั้งแนวสกัดกั้นการเคลื่อนขบวน ของกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. ที่ ย่านอนุสรณ์สถาน ถนนวิภาวดี ขณะที่หลังเกิดการเผชิญหน้า มีการยิงกระสุนยาง และ บั้งไฟ ตอบโต้กันแล้ว

13.50 น. นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้การต้อนรับประธานาธิบดีประเทศติมอร์-เลสเต ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารยังวางกำลังดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

13.51 น. ถนนวิภาวดี ติดหนัก หลังทหารสกัดม็อบเสื้อแดงไปตลาดไท ด้านเจ้าหน้าที่ทหาร ปิดการจราจรทางคู่ขนาน 1 ช่องทาง ขณะที่ประชาชน พนักงานบริษัท ตื่นหาทางกลับบ้านอย่างชุลมุน

13.52 น. แกนนำหลักกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. ที่แยกราชประสงค์ รายงานสถานการณ์การสกัดกั้น การเคลื่อนขบวนของผู้ชุมนุมที่ถูกทหารสกัดกั้น และเกิดการปะทะกันขึ้น

13.59 น. รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขอบคุณ เลขาฯยูเอ็น ที่แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์การชุมนุมในประเทศไทย ขณะที่ยืนยัน นายกฯ ฝักใฝ่นิติรัฐและแนวทางสันติด้วยการเจรจา

14.15 น. โฆษก สตช. ยัน ศอฉ. ไม่มีคำสั่งปลด รรท.ผบ.ตร."พล.ต.อ.ปทีป" ยัน ตำรวจทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว14.23 น. จตุพร เรียกผู้ชุมนุมที่เคลื่อยนขบวนไปตลาดไทยกับราชประสงค์ก่อน หลังถูกทหารเข้าสกัด พร้อมขู่บุกกรมทหาราบที่ 11 รักษาพระองค์แทน

14.25 น. ศูนย์แพทย์ฉุกเฉิน ศูนย์เอราวัณ ระดมรถพยาบาลเพื่อรองรับเหตุเผชิญหน้า หากมีเหตุด่วนไว้แล้ว เชื่อรองรับสถานการณ์ได้หากมีปะทะ

14.29 น. กรมทหาราบที่ 11 นำกำลังทหาร 2 คันรถ ออกไปสบทบ เพื่อสกัดเสื้อแดงเคลื่อนขบวนไป ตลาดไท

14.37 น. ลอบวางเพลิงบ้านเจ้าของกมลเคเบิ้ลทีวี ร้อยเอ็ด หลังถ่ายทอดPTVไม่ได้และเคยถูกข่มขู่ ด้านแกนนำเสื้อแดงลั่นเป็นการใส่ร้าย

14.48น. ถนนวิภาวดี ฝั่งขาออก ตรึงเครียด เมื่อทหารปะทะคนเสื้อแดงแล้ว โดยมีการยิงกระสุนยางเข้าใส่ ขณะประชนกรีดร้องด้วยความกลัว

14.53 น. ทหารกับเสื้อแดงเผชิญหน้า ตึงเครียดหนัก หน้าอนุสรณ์สถาน ผู้ชุมนุมโห่ร้องตลอเวลา ทหารยิงปืนขึ้นฟ้า เป็นระยะ โดยมีรถเสื้อแดงปิดถนนหมดแล้ว

14.57 น.โรงพยาบาลภูมิพล เผย ยอดผู้บาดเจ็บ จากเหตุปะทะย่านหลักสี่ 2 ราย พร้อมระดมทีมแพทย์ พยาบาล เตรียมพร้อมรักษา

15.06 น.ม็อบ นปช. กระทบ ตลาด อาคารสำนักงานใน กทม. ฟื้นตัวช้าลง จากที่คาดการณ์ จะเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงปลายปีนี้ เอกชน หลายราย เริ่มหาพื้นที่เช่าย่านอื่น ที่ห่างจากจุดชุมนุม ใช้เป็นสำนักงานชั่วคราว

15.15 น.กรรมาธิการกฎหมายฯ จี้ นายกฯ และรองนายกฯสุเทพ เข้าชี้แจงเหตุการณ์ 10 เมย. พร้อมนำ 3 ผู้เสียหายแสดงร่องรอยการบาดเจ็บต่อสื่อด้วย

15.19 น.จตุพร บอกให้เสื้อแดงที่ติดอยู่บนถนนวิภาวดีฯ เดินเท้าไปรวมตัวกันที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ ก่อนกลับราชประสงค์พร้อมกัน พร้อมปัด ขวัญชัย ถูกจับกุม

15.21 น.ม็อบเสื้อแดงที่สวนลุม รอเตรียมพร้อมรับมวลชนที่เคลื่อนไหวกลับที่มั่น หลังโดนทหารสลายในหลายจุด ก่อนตัดสินใจเคลื่อนไหวอีกครั้ง ตามคำสั่งแกนนำ

15.33 น. ทหาร -ตำรวจ ตรึงกำลังเข้ม หน้าปั๊ม ปตท. หวั่น นปช. ยึด พร้อมกับยิงปืนเป็นระยะ ล่าสุด ตำรวจ กำลังสกัดรถแกนนำ "ขวัญชัย" ที่กำลังถอยไปเวทีราชประสงค์

15.37 น. บรรยากาศ บริเวณศาลาแดง ทหาร-ตำรวจ ตรึงกำลังอยู่เช่นเดิม ส่วนคนหลากสี ไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด15.42 น. ทหารและเสื้อแดง ยุติการปะทะชั่วคราว เพราะฝนลงมาอย่างหนัก ขณะประชาชน เร่งนำหญิงวัยกลางคน ส่ง ร.พ. หลัง ช็อคจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

16.06 น. ศาล แจงการชุมนุม ไม่ใช่การก่อการร้าย หากจับม็อบ ฟ้องข้อหาหนัก ศาลจะพิจารณาอย่างรอบคอบ16.09 น. กระทรวงต่างประเทศ ยืนยัน ต่างชาติไม่ได้เข้ามาสังเกตการณ์กรณีม็อบแดงชุมนุม

16.20 น. ตัวเลขผู้บาดเจ็บ ล่าสุด จากการปะทะกันระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงกับทหาร ที่อนุสรณ์สถาน เจ็บแล้ว 10 สาหัส 1 ทยอยเพิ่มขึ้น ขณะที่ยังตึงเครียด

16.38 น. ทหาร คุมตัว 3 สมาชิก เสื้อแดงต้องสงสัย ขนอาวุธป่วนเมือง พร้อมของกลาง หลังเข้าตรวจสอบเหตุระเบิดที่ดังขึ้น ด้านข้าง ร.พ.จุฬา ถ.อังรัดูนังต์

16.42 น. แกนนำแดง "จตุพร พรหมพันธุ์" ยัน ขวัญชัย ไพรพนา ปลอดภัย ยังไม่ถูกจับ ปัดทหารตายไม่ใช่ฝีมือพวกแดง

16.42 น. โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ชี้ การที่ กลุ่มผู้ชุมนุม นำถังแก๊ส มาวาง อาจเป็นเหตุนำไปสู่การก่อการร้าย

17.00 น. คนเสื้อแดงจันทบุรี ปิดล้อม กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี ห้ามกำลังพลเดินทางเข้าสับเปลี่ยนกำลังที่แยกราชประสงค์

17.10 น. นายกฯ พร้อมตั้งคณะกรรมการอิสระ ตรวจสอบเหตุความรุนแรง ระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดง พร้อมย้ำ จะดำเนินตามกรอบของกฎหมาย

17.29 น. ผอ.ศูนย์เอราวัณ เผยมีผู้บาดเจ็บ 18 ราย ทหารถูกยิงดับ 1 นาย ในเหตุการณ์ประทะกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่อนุสรณ์สถาน ดอนเมือง

17.30 น. นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ระบุ เสื้อหลากสียุติการชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หลังเสื้อแดงปะทะกับเจ้าหน้าที่ และหวั่นเกิดเหตุรุนแรงหากคนเสื้อแดงชุมนุมคู่ขนานกับคนเสื้อหลากสี

17.36 น. ขวัญชัย โพล่เวทีราชประสงค์แล้วโดยไม่มีร่องรอยการบาดเจ็บ หลัง ส.ส.เพื่อไทย บอกให้เปลี่ยนเสื้อขณะหลบหนีการจับกุม พร้อมขู่บุก NBT พรุ่งนี้

17.44 น. นายกฯเป็นประธานฌาปานกิจศพ เหยื่อ M79 ที่สีลม พร้อมมอบเงิน 4 แสนบาท เพื่อเยียวยา โดยมี รมว.คลัง รมว.พัฒนาสังคมฯ และ ผู้ว่า กทม.ร่วมพิธีด้วย

17.50 น.ผอ.ร.พ.จุฬาฯ ออกแถลงการณ์ เตรียมพร้อมรับผู้ป่วยฉุกเฉินเต็มที่ ส่วนพรุ่งนี้ งดรับตรวจผู้ป่วยนอก ยกเว้น จากเหตุฉุกเฉินเท่านั้น

18.13 น.กมส. เริ่มกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุปะทะ 10 เม.ย. แล้ว เผย หนักใจเพราะข้อมูลมากและซับซ้อน

18.19 น.สื่อนอก รายงานอ้างคำพูด ตำรวจ-ทหาร ที่เสียชีวิตจากการปะทะ นปช. ถูกทหารพวกเดียวกันยิง

18.30 น.ชาวปัตตานี พร้อมใจสวมเสื้อหลากสี ชุมนุมหน้าศาลากลางจังหวัด ต่อต้านการใช้ความรุนแรง เรียกร้องให้รัฐบาลปกป้องสถานบัน และสนับสนุนให้รัฐบริหารงานต่อ

18.54 น.ทหาร ถอนกำลังจากอนุสรณ์สถานแล้ว หลังเกิดเหตุปะทะเดือดกับกลุ่มเสื้อแดง จนมีทหารเสียชีวิต 1 นาย เสื้อแดงบาดเจ็บ 18 ราย ส่วนเสื้อแดงสลายแล้ว

19.27 น.เสื้อแดงเตรียมร้อง องค์กรต่างประเทศเพื่อชี้แจงเหตุสลายม็อบบริเวณ ถ.วิภาวดี โวยเจ้าหน้าที่ไม่ทำตามแผน 7 ขั้น

19.32 น.รองนายกฯสุเทพ เข้าประชุม ศอฉ. ประเมินเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารกับเสื้อแดงที่ ถ.วิภาวดีฯขณะกลุ่มคนเสื้อหลากสี สั่งยุติการชุมนุมไว้ก่อน หวั่นไม่ปลอดภัย

19.34 น.ตำรวจนครบาล รวบ หนุ่มการบินไทย พกปืนและระเบิดปิงปอง อ้าง ไว้ไล่นกและยังตรวจค้นจยย. ซุกลูกระเบิด เอ็ม79 ถึง 63 ลูก ส่งดำเนินคดีแล้ว

19.37 น.คนเสื้อแดง จ.เชียงใหม่ พังรั้วบุกเข้า ศาลากลาง ประจันหน้ากับเจ้าหน้าที่ หลัง แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 "เพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล" สั่งระดมพล

19.49 น.ผอ. รพ.ภูมิพล เผยยอดผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะกันระหว่างทหารกับคนเสื้อแดง จำนวน 10 ราย สาหัส 1 รายโดยญาติทยอยเข้าเยี่ยมแล้ว

20.00 น.คนเสื้อแดงเชียงใหม่สลายตัวหลังพังรั้วบุกเข้าศาลากลาง และรีบเดินทางกลับเพื่อรักษาความปลอดภัยวิทยุชุมชนหวั่นโดนเจ้าหน้าที่บุกยึด

20.08 น.คนเสื้อหลากสีแปดริ้ว กว่า 400 คน รวมตัว สนับสนุนรัฐบาล ไม่ให้ยุบสภา พร้อมเตรียมเข้าให้กำลังใจทหาร ค่ายสมเด็จพระนั่งเกล้า วันพรุ่งนี้

20.29 น.ผอ.กองอุบัติเหตุ ร.พ.พระมงกุฎ เผย ศพพลทหารที่เสียชีวิต จากการปะทะที่อนุสรณ์สถานฯถึง ร.พ. แล้ว เบื้องต้นถูกยิงที่ขมับซ้าย พรุ่งนี้ ชันสูตรเป็นทางการ

20.46 น.ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เดินทางเข้ารับตัว พลหทารไปสอบปากคำ หลังลักลอบเข้าพื้นที่ราชประสงค์ เพื่อทำร้ายแกนนำเสื้อแดง

20.55 น.ชาวสีลม ยังปักหลักชุมนุม หน้า รร.ดุสิต ขณะเสื้อแดงวันนี้ ไม่ได้ออกมาบริเวณแนวบังเกอร์ ส่วนห้างร้าน ทยอยกันปิดให้บริการ หวั่น ไม่ปลอดภัย

21.00 น.คนเสื้อแดงร้อยเอ็ด ประกาศระดมพล สกัดกั้นการเดินทางสับเปลี่ยนกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้าน ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด ระบุ ยังไม่มีการเคลื่อนกำลังพล21.04 น.ศอฉ. รับปฏิบัติการ สกัดเสื้อแดง บน ถ.วิภาวดีฯ ยากลำบาก เพราะมีประชาชนผู้บริสุทธิ์ ปะปนอยู่ด้วย
http://www.innnews.co.th/politic.php?nid=223083

วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2553

"ผู้ใหญ่"จี้"ป๊อก"โนติส"อภิสิทธิ์"/

@@มีรายงานจาก"ทหารข่าว"แจ้งเมื่อเวลา 19.13 น.วันนี้(27เม.ย.53)ว่ามีคำสั่งจาก"ผู้ใหญ่"ให้"พล.อ.อนุพงษ์"ทำการยื่นโนติสถึง"นายกอภิสิทธิ์"ให้ตัดสินใจอย่าใดอย่างหนึ่งระหว่าง ยุบสภา,ลาออก หรือ ให้ย้ายออกไปจากพื้นที่ทำการราบ11 ภายในวันศุกร์นี้(30เม.ย.)หลังจากที่"ผู้ใหญ่"ท่านนี้เคยขอให้"นายกอภิสิทธิ์"ดำเนินการดังกล่าวก่อนวันที่ 13 เม.ย.53 แล้ว..แต่ปรากฎว่ามีบุคคลที่เคยถูกเปิดเผยว่าเป็น"เจ้าของบ้าน"ที่ใช้วางแผนทำรัฐประหาร19ก.ย.49 นำความมาอ้างกับ"นายกอภิสิทธิ์"ว่า"ผู้ใหญ่"อีกท่านหนึ่งได้หารือกับ"ผู้ใหญ่"ท่านนี้แล้วว่า ไม่ให้"นายกอภิสิทธิ์"ยุบสภาหรือลาออก

@@"ทหารข่าว"รายงานด้วยว่า ข้อมูลจากแหล่งข่าวชุดเดียวกันระบุด้วยว่า"ผู้ใหญ่"ท่านนี้ยังส่งสัญญานไปยังฝ่ายตุลาการ โดยเฉพาะผู้พิพากษาที่เกี่ยวข้องในคดี ด้วยว่า ในคดี"ยุบพรรคปชป."นั้นต้องดำเนินการโดยเร็วให้เหมือนกับการพิจารณาคดียุบพรรคอื่นๆที่ผ่านมาเพื่อไม่ให้ฝ่ายต่างๆเปรียบเทียบและทำให้เกิดผลกระทบกับกระบวนการยุติธรรมของไทย

@@"ทหารข่าว"รายงานว่า รายงานกรณี"โนติส"จาก"พล.อ.อนุพงษ์"ข้างต้นสอดรับกับ รายงานระดับสูงทางทหารวานนี้(26เม.ย.) ว่า มีการหารือระดับผู้นำเหล่าทัพ ถึงความกดดันจากฝ่ายบริหาร ภายใต้การบีบคั้นจากฝ่ายพันธมิตรและบุคคลระดับสูง ที่ต้องการให้กองทัพทำการสลายการชุมนุมโดยเร็ว ซึ่งท่าทีดังกล่าวของรัฐบาล โดยเฉพาะการบีบให้"พล.อ.อนุพงษ์"นั่งโต๊ะร่วมกับ"นายกอภิสิทธิ์"ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเชื่อมั่นประเทศไทย(26เม.ย.) ทำให้"พล.อ.อนุพงษ์"อึดอัด กับความพยายามของรัฐบาลในการใช้ทหารในฐานะเป็นกลไกของรัฐเป็นเครื่องมือดำเนินการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงโดยเร็ว แม้ "พล.อ.อนุพงษ์"พยายามแสดงจุดยืนว่าการแก้ปัญหาไม่ใช่ให้ทหารนำกำลังพร้อมอาวุธไปปราบประชาชน เพราะย่อมมีการสูญเสียชีวิตได้ ไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่หากสามารถแยกประชาชนผู้บริสุทธิ์ออกจากกลุ่มที่ติดอาวุธได้ อย่างนั้นทหารก็พร้อมทำหน้าที่.. นอกจากนี้ สถานการณ์ขณะนี้ ผบ.เหล่าทัพเห็นตรงกันว่าแนวทางการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการเจรจา รัฐบาลต้องยอมเสียสละเพื่อให้บ้านเมืองกลับมาสู่ภาวะปกติให้ได้โดยเร็ว กรอบเจรจาจะกำหนดเงื่อนไขยุบสภาภายในกี่เดือนก็ต้องหารือกันไป รัฐบาลไม่ควรรีบปฏิเสธการหาทางออกร่วมกันตามที่แกนนำเสื้อแดงเสนอ แต่สามารถต่อรองกรอบเวลาให้ชัดเจน และรัฐบาลต้องยอมเสียสละบ้าง เพื่อให้คลี่คลายปัญหาบ้านเมืองเวลานี้ด้วย.

@@"ทหารข่าว"รายงานด้วยว่า สัญญานพิเศษ จาก"ผู้ใหญ่"ดังกล่าว ทำให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของ รัฐบาลตั้งแต่ระดับ"ผู้ใหญ่"อีกท่านลงไปถึง"ขุนศึก"และ"กุนซือ"ทหารพลเรือนคัดง้างต่อต้านคำสั่งนี้ ด้วยการ สั่งให้รัฐบาล มีการปรับยุทธวิธี เพื่อเร่งปิดเกม โดยมุ่งเปิดประเด็นเรื่อง"การก้าวล่วงสถาบันฯ"โดยมีการเปิดเกมแผนล้มสถาบันจากศอฉ.และการออกมารับลูกจาก"นายกอภิสิทธิ์"รวมถึง"เนวิน ชิดชอบ"และพรรคภูมิใจไทย ..ซึ่งดำเนินการ"คู่ขนาน"ไปกับการ"บีบ"บรรดาข้าราชการระดับสูงในระดับปกครองส่วนกลาง และนายตำรวจระดับสูง ด้วยการ"เชือดไก่ให้ลิงดู"โยกย้ายอธิบดีปรมการปกครอง และข้าราชการหลายส่วนในกระทรวงมหาดไทย..

@@"ทหารข่าว"รายงานว่า ขณะนี้ฝ่ายตำรวจมีการดึง"พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ เตมียเวช"มาบัญชาการงาน ร่วมกับ"พล.ต.อ.ไถง ปราศจากศัตรู"สามีของ"แม่เลี้ยงติ๊ก"โดย กองกำลังที่ให้ความร่วมมือคือ ภ.5 บางส่วน และ ภ.9บางส่วน ส่วนอื่นๆไม่เห็นด้วย ขณะที่ในส่วนของกองทัพ ขณะนี้ทหารหลายส่วนไม่เห็นด้วยกับปฏิบัติการของรัฐบาล มีเพียงกำลังของ"บูรพาพยัค"และ"ป่าหวาย"เท่านั้นที่ปฏิบัติการเต็มที่

พระไพศาล:ความรุนแรง..ไม่ใช่คำตอบ


"สันติวิธี..จะได้ผลก็ต่อเมื่อผู้คนเห็นโทษของความรุนแรงว่า ไม่ใช่คำตอบ ไม่ใช่ทางลัดไปสู่ความสงบ ...อันนี้เป็นบทเรียนสำหรับคนในเมืองที่รียกร้องให้รัฐบาลใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้ชุมนุมเพื่อบ้านเมืองจะสงบโดยเร็ว ...อาตมาอยากจะย้ำว่าไม่มีทางลัดสู่ความสงบ มันต้องใช้เวลา ถ้าต้องการใช้ความสงบโดยเร็ว ผลที่ได้จะกลับตรงข้ามคือความสงบยิ่งหลุดลอยจากมือเราไป เกิดความวุ่นวายมากขึ้น ...แต่ถ้าเราอดทนอดกลั้น ความสงบอาจจะมาเร็วกว่านี้ก็ได้.."


พระไพศาล วิสาโล
11 เม.ย.53
FM101Mhz.

คำอาฆาตจากบิ๊กจิ๋ว

“จากวันนั้นถึงวันนี้ คุณอภิสิทธิ์ คุณสุเทพ เป็นอาชญากรมีจิตใจโหดเหี้ยมเหลือเกิน ไม่เคยปรากฏว่าข้อขัดแย้งจะสร้างความเสียหายเหมือนครั้งนี้ ขอประณามว่าท่านเป็นอาชญากร ที่สั่งฆ่าพี่น้องประชาชนและประชาชนทุกคนโดยเฉพาะญาติมิตร ขอบอกว่าเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ท่านได้รับผลจากการสั่งการที่ร้ายกาจที่สุด แย่ที่สุด เลวร้ายที่สุด"

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย


27 เมษายน 2553



ศอฉ.ปูดผังขบวนการล้มเจ้า..ฟอร์เวิร์ดเมล์บอยคอตคน-สินค้า


(26เม.ย.53) ศอฉ.โดย"พ.อ.สรรเสริฐ แก้วกำเหนิด"แถลงข่าวถึง"ขบวนการล้มเจ้า"โดยมีการเปิดเผยชาร์ทที่อ้างว่าเป็นโครงข่ายความสัมพันธ์ของกลุ่มเสื้อแดง..ที่เกี่ยวพันไปถึง"พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร"อดีตนายกรัฐมนตรีและบรรดานักการเมือง ทหาร ตำรวจ ประชาชน ฯลฯ(ตามชาร์ท)
ต่อมาในวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีออกมายอมรับว่าได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว และยอมรับว่าชาร์ทดังกล่าวมีมูลเชื่อถือได้
(27เม.ย.53 )ปรากฎฟอร์เวิร์ดเมล์ไปทั่วถึงกลุ่มทุนที่ให้การสนับสนุนการชุมนุมของคนเสื้อแดง พร้อมกับให้ประชาชนผู้รับเมล์เลิกสนับสนุนสินค้าบริการเหล่านั้น ขณะเดียวกันก็มีการโยงใยให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของกลุ่มทุนกับกลุ่มผู้สนับสนุนการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงด้วย
----------

Subject: เลิกอุดหนุนมัน วันนี้คุณยกเลิกซิมการ์ด AIS แล้วหรือยัง!!!!!!!
ช่วยกันเลิกอุดหนุนสินค้าเหล่านี้ด้วยครับ
---------หมวดอุปโภคบริโภค---------------
ผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ และผลิตภัณ์ในเครือ “เนสท์เล่”เครื่องหมายการค้า ไฮเนเก้น สิงห์ ช้าง ไทเกอร์ เฉาก๊วยชากังราวมิตซูชิต้าแอร์ยอร์คM150 สินค้าเครือโอสถสภา
--------หมวดโรงพยาบาล โรงแรม โรงเรียน สถานศึกษา สถานเสริมความงาม ศูนย์การค้า ธนาคาร บริการธุรกิจต่างๆ บริษัท ห้าง ร้าน-------
โรงพยาบาลวิภาวดี รพ. เครือเปาโล รพ. เครือพญาไท รพพระรามเก้า
โรงแรมอินเตอคอน โรงแรมแกรนด์ไอแอทเอราวัณ, ภูเก็ต, สมุย, หัวหิน Laguna Resort and Hotel Banyan tee Resort โรงแรมเอสซีปารค เลียบทางด่วน โรงแรมวโรรสเชียงใหม่
มหาวิทยาลัยชินวัตร โรงเรียนขับรถUPD กวดวิชาCyber Niva international school
บอดีเชฟ (ข่าววงใน Body Shape ยกเลิกสัญญากับ เจ้ดา วิกแดง แว้ววว) ร้านเสริมความงามตราสิเรียม ปิ่นเกล้าไฮเทคคลีนิก(คลีนิกผิว หนังความงาม)
ศูนย์การค้าร้านค้า Lotus??? บิ๊กซีลาดพร้าว (อิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว ) เกษรพลาซ่า ประตู้น้ำเซ็นเตอร์ พารากอน??? ห้างแหลมทองระยอง
ธนาคาร UOB ไทยทนุ เกียรตินาคิน ธ.ธนชาติ
สนามกอลฟ์อัลไพน์สนามกอลฟ์ซัมมิท วินด์มิลล์กอลฟ์คลับ ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราดสนามกอลฟ์เลควูด ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด
บริษัท ไทยน๊อคซ์ สแตนเลส จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่บริษัท ไทยฟิลม์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตแผ่นฟิลม์ BOPP รายใหญ่ของโลกโครงการริเวอร์ไซด์ ไพรเวซี่ ย่านพระราม 3บริษัท ไทยซัมมิทกรุ๊ปบริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ จำกัดบริษัท ฮาวคัมบริษัท มาสเตอร์โฟน จำกัดบริษัท Splendid OrganizeblisstelIEC
มีบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) เป็นหัวใจหลัก ธุรกิจในเครือแยกเป็นธุรกิจที่ดำเนินธุรกิจการออกอากาศ และสื่อโฆษณา1. บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 32. บริษัท ยูแอน์ไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ดำเนินงานธุรกิจวิทยุ3. บริษัท เวอร์จิ้น บีอีซี-เทโร เรดิโอ (ประเทศไทย) จำกัด4. บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ขายเวลาโฆษณา5. บริษัท บีอีซีไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (บีอีซีไอ)6. บริษัท บีอีซี มัลติมีเดีย จำกัด7. บริษัท โมบิ (ไทย) จำกัด8. บริษัท ดิจิตอล แฟคทอรี่ จำกัดธุรกิจที่ดำเนินการจัดหา-ผลิตรายการ และจัดจำหน่ายรายการ1. บริษัท รังสิโรตม์วนิช จำกัด2. บริษัท นิวเวิล์ด โปรดักชั่น จำกัด3. บริษัท บีอีซี อินเตอร์เนชั่นแนล ดิสทริบิวชั่น จำกัด4. บริษัท ทีวีบี 3 เน็ตเวอร์ค จำกัด5. บริษัท บางกอกเทเลวิชั่น จำกัด6. บริษัท บีอีซี ไอที โซลูชั่น จำกัดโครงการชินณิชาวิลล์ หมู่บ้านจัดสรรบริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค (บริหารพื้นที่คลังสินค้ามีพื้นที่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ)บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)ชิโนไทยCapital OKอิออนบริษัทยางนิตโต้
--------หมวดร้านอาหาร ร้านขายของ ร้านหนังสือ ร้านขายยา ร้านกาแฟ ร้านตัดผม------------
ร้านเจ้เขียว หัวหิน ไก่ย่างจิระพรรณ ร้านส้มตำคุณตุ๊ก ชลบุรี (สาขาทางไปชลชาย สาขาในห้างเซนทรัลชลบุรี)ร้านข้าวเหนียวครูอ้อ ชลบุรี (สาขาเมืองใหม่ สาขาศรีราชา)ร้านเฮือนครูอ้อ (สาขาศรีราชา)ร้านเป็ดตุ๋น (ติดกรมที่ดิน ตรงข้ามโรงพักชลบุรี)ชัยวัฒน์ เป็ดพะโล้ แถวสะพานพระราม 5 นนท์ร้านปาท่องโก๋สะพานขาวจันทบุรี ร้านข้าวหน้าเป็ดแสงจันทร์ร้านก๋วยเตี่ยวเรือแถวจันทนิมิตร จันทบุรีร้านกระยาสารทแถวดินแดงร้านหมูหันชาววัง ก่อนถึงชายทะเลชะอำร้าน มงคลห่านพะโล้ ชลบุรีroti บอยคนขายโอเลี้ยง สี่แยกคูขวาง นครศรีธรรมราช.
ร้านหนังสือแพร่พิทยา (???) ร้านหนังสือ book collection ดอกหญ้า(สีทอง) หนังสือในเครือรักลูก กรุ๊ป
ร้านขายยาเภสัชสุพรรณ
ร้านกาแฟ Cafeinn (ตั้งอยู่สยามสแควร์ ซอย 2) Starbucks
ฮาร์ดร็อค คาเฟ่
ร้านตัดผมชาย ชื่อสหาย อยู่ตรงสี่แยกสะพานควาย
ร้านถ่ายรูป She @ Mood (Shoot At Me) (ตั้งอยู่สยามสแควร์ ซอย 2)
---------หมวดสถานีตำรวจ (โห สงสัยต้องใช้คำว่าใครไม่เป็นเสื้อแดง ไม่งั้นลิสต์ตาเหลือก)-----------
ตำรวจเสาวรีย์ สาทร ภาษีเจริญ สน. ชนะสงคราม สน. นางเลิ้ง ฯลฯ
-------------หมวดพาหนะ การเดินทางท่องเที่ยว ปั๊มน้ำมัน---------------
วินมอเตอร์ไซค์ กำนันเเม้นแอร์เอเชียเชิดชัยทัวร์แท็กซี่ยุบสภาปั๊ม ปตท บ่อนไก่ ก่อนขึ้นทางด่วน
------------หมวดอินเตอร์เน็ทและ การสื่อสาร สื่อทีวี สื่อสิ่งพิมพ์-------------
พันทิป อินเตอร์เน็ต จาก ซีเอส ล๊อกอินโฟ อินเตอร์เน็ต จาก Buddy ADCธุรกิจ “อี-บิสซิเนส & อินเตอร์เน็ต & ซอฟท์แวร์”1.Shinee2. ITAS3. Hunsa4. SodaMag5. SongJaiUBC1. Advance Info Service (AIS)2. GSM Advance3. GSM 18004. Datanet5. One-2-Call6. Mobile Life7. Mobile from Advanceไทยแลนด์ เยลโล่ เพจเจส (Thailand Yellow Pages) สมุดหน้าเหลืองค้นหาเบอร์โทรศัพท์สื่อสิ่งพิมพ์ ในเครือ "วัฏฏะ" ไทยรัฐ ข่าวสด มติชน เดลินิวส์
---------------หมวดบันเทิง------------------------
นายเมธี อมรวุฒิกุล ดารานักแสดงและเจ้าของอัลบั้มนู้ด HEAT MENสิงห์ ประชาธิป มุสิกพงศ์ วงสควีซ แอนนิมอลล์ ลูกชายวีระ มุสิกพงศ์ธงไชย แมคอินไตยดีเจ ณรงค์ ลัมะกานนท์ กับนัท หรืออุดม โพธิ์ทอง2 นักจัดรายการ sat & sunคณะตลกเจ๋งดอกจิกภาวนา ชนะจิตโด่ง อรรถชัย อนันตเมฆอดีตนักร้องลูกทุ่ง รังสี เสรีชัยนิโคล เทริโอบิณฑ์-เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์นายลักษณ์ เรขานิเทศ หรือ “หมอลักษณ์ฟันธง”
--------------------หมวดบุคคล--------------------------
ดารุณี กฤตบุญญาลัยนายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ >>สส.ปราจีนบุรีกลางสี่แยกไฟแดงกระทำการอัปยศร่วมลงชื่อแก้รัฐธรรมนูญนายเมธี อมรวุฒิกุลจักรพันธ์ ยมจินดานักเขียน : วัฒน์ วรรลยางกูร ทองธัช เทพารักษ์ ไม้หนึ่ง ก.กุณฑี ลาวคำหอม (คำสิงห์ ศรีนอก) วรพจน์ พันธุ์พงศ์ไพบูลย์ วงษ์เทศ ยงค์ ยโสธร เริงชัย พุทธาโร อุดร ทองน้อยดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม ( นักจิตวิทยา )ลีลาวดี วัชโรบลไพบูลย์ ดำรงชัยธรรมร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต หรือ หมวดเจี๊ยบนายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภานพ.รัศมี วรรณิสสร ประธานองค์กรพิทักษ์ ศาสน์ กษัตริย์พล.อ.สมคิด จงพยุห ประธานชมรมธรรมะชนบทพล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ประธานชมรมนายตำรวจบำเหน็จบำนาญคุณหญิงสมปอง วรรณิสสร รองประธานชาวพุทธแห่งประเทศไทยนายคำนวณ ชโลปถัมภ์ อดีต ส.ว.สิงห์บุรีและอดีตนายกสภาทนายความที่เคยเป็นทนายร่วมแทนนายพิชิฏ ชื่นบาน ในคดีที่ดินรัชดาฯพวกนี้พวกเสวนาผลงานสุพจน์ ด่านตระกูล ที่แต่งหนังสือฟ้าเดียวกันและแต่งหนังสือหมิ่นอีกหลายๆเล่มสัมผัส พึ่งประดิษฐ์ดร.ปรีชา สุวรรณทัตศุขปรีดา พนมยงค์ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริบัญชา เฉลิมชัยกิจสันติสุข โสภณสิริวันไททิพย์ ด่านตระกูลรศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐนายวิทยา บุรณศิรินายจอน อึ๊งภากรณ์นายใจ อึ๊งภากรณ์นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้อำนวยการกลุ่มกระจกเงานายนิธิ เอียวศรีวงศ์ ผู้ก่อตั้ง มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกวีไกร โชคพัฒนเกษมสุขนักวิชาการ -สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล -สมชาย ปรีชาศิลปกุล๑. ไกลวัลย์ สินธุไพร ชมรมคนรู้ใจ๒. ชินวัฒน์ หาบุญพาค วิทยุชุมชนคนแท็กซี๓. ชัยนรินทร์ กุหลาบอ่ำ กลุ่มหนุ่มสาวก้าวใส๔. ธนพันธ์ เรืองอำพัน กลุ่มคนจนเมือง๕. มังกรดำ ศักดิ์มังกร กลุ่มสื่อเพื่อประชาธิปไตย๖. เมธาพันธ์ โพธธีรโรจน์ กลุ่มพิทักษ์ประชาธิปไตย ชาติ ศาสน์ กษิตริย์๗. วรพจน์ ทรัพย์ถาวร กลุ่มวิทยุเสรีชน๘. วิเชียรธนินทร์ สินธุไพร ภาคีสหพันธ์นิสิตนักศึกษาภาคอิสาน๙. สุชาติ นาคบางไทร กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ๑๐. สมยศ พฤษาเกษมสุข กลุ่ม ๒๔ มิถุนาประชาธิปไตย๑๑. สิริวารี รำเพย กลุ่มพลเมืองภิวัฒน์๑๒. สุนันทา ธรรมธีระ กลุ่มสตรีเพื่อประชาธิปไตย๑๓. สรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน กลุ่มเพื่อนรัฐธรรมนูญ 40๑๔. สันต์ หัตถถีระ(นพ.) มูลนิธีวีระชนประชาธิปไตย๑๕. สมเกียรติ พิบูลย์พัฒน์ แนวร่วมประชาชนแห่งประเทศไทย๑๖. เหวง โตจิราการ(นพ.) สมาพันธ์ประชาธิปไตย๑๗. แหลมสน สำนักคิดไทยใหม่๑๘. จีรนันท์ จันทรงษ์ กลุ่มพลังเชียงราย๑๙. พรพิมล จันทน์เทศ พันธมิตภสหภาพแรงงานปชต
1.พล.อ.สิงห์ทอง พลอยแดง2.พล.ท.วิศิษฏ์ สมานันตกุล3.พล.อ.ท.วันชัย ธนสุกาญจน์4.พล.ต.ต.ไพฑูรย์ เชิดมณี5.พล.ท.บรรพต งามกัณหา6.น.ต.สมหมาย พงษ์ประยูร7.พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร8.พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่องอดีต9.พ.ต.อ.พลสันต์ พันธ์อาทิตย์10.พล.อ.อ.สมชัย พละพงศ์11.พล.อ.จิรสิทธิ เกษะโกมล12.พล.ต.ต.สุชาติ กาญจนวิเศษ13.พล.อ.ต.เอกศักดิ์ ปุสเทพ14.พล.ท.ทวีรัฏฐชัย สว่างเพียร15.พล.ต.ต.บุญเลิศ นันทวิสิทธิ์16.พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี17.พล.อ.อำนวย ถิระชุณหะ18.พล.อ.ต.คำรณ เจริญวงศ์19.พล.ท.ชะเลียง รุ่นเจริญ20.พ.ท.พิบูลย์ พูลสวัสดิ์21.พล.อ.ต.โฆษก ประคองทรัพย์22.ร.อ.นิพนธ์ งามเสน่ห์23.กัปตันศิริเดช จุลเปมะ24.พล.ต.ท.ศิริชัย มีนะกษิษฐ25.พล.ต.ต.จรัญ ชิตะปัญญา26.พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ27.พ.ต.อ.ปราโมทย์ บุญดำเนิน28.พล.ต.ต.ชัยชาญ กิติจันทร์29.พล.ต.ต.สิทธิพงศ์ ปุณโณทก30.พล.ต.ต.สงกรานต์ สังขกร31.พล.ต.ต.วิทูรย์ คลังพลอย32.พล.ต.ท.วุฒิ วิทิตตานนท์33.พล.ต.ต.ชวลิต มโนสมุทร34.พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ รักษาสัตย์35.พ.ต.อ.พลสันต์ พันธ์อาทิตย์36.พ.ต.อ.เสนาะ เขมะประภา37.พล.อ.จุมพฏ ศรีธรรม38.พล.ท.มนัส เปาริก39.พล.ท.นเรศร์ ศรีสุข40.พล.ท.พฤกษ์ สุวรรณทัต41.พล.ร.ท.สีวิชัย สิริสาลี42.พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต43.พล.ร.ท.วิญชัย จารุปกรณ์44.พล.ท.ธรรมนูญ แสงเงิน45.ดร.วรศิษฐ์ อุชัย46.พ.อ.คมเดช เทพประทุม47.พล.อ.ต.ดิเรก รื่นบรรเทิง48.พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัสมี49.พล.อ.พรชัย กรานเลิศ50.พล.ท.สีห์ศักดิ์ เกตุสุริยงค์51.พล.ต.นคร ขำสุนทร52.พ.อ.ประวัติ นิกาญจน์กูลศุภรัตน์ นาคบุญนำพิสิษฐ์ กีรติการกุลอาจารย์แม่ม.ล,ปลื้มณับกรณ์ เทวกุล
--------หมวดมูลนิธิ ชมรม-----------------
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้อำนวยการกลุ่มกระจกเงานายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51ดีเจวิทยุชุมชนของสถานีวิทยุชุม ชนกลุ่มรักเชียงใหม่ 51นางกัญญาภัค มณีจักร หรือดีเจอ้อมนายอภิชาต อินสอน หรือดีเจอ้วนนายภูมิใจ ไชยยา หรือดีเจต้อมนายอิทธิพล สุขแป้น หรือดีเจเบียร์นายสมชาย คุณาจรัสเดช หรือดีเจกาก้านายนิยม เหลืองเจริญ หรือดีเจแหล่นายประสิทธิ์ วิชัยรัตน์ หรือดีเจ จ.ใจเดียว นักจัดรายการของสถานีวิทยุชุมชนคนรักอุดรนายขวัญชัย ไพรพนา ดีเจคลื่นมวลชนสัมพันธ์ หนึ่งในสถานีวิทยุชุมชนจ.อุดรธานี และประธานชมรมคนรักอุดร"ดร.จารุพรรณ กุลดิลก" ทายาท "พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลกหยุดใช้บริการคนเสื้อแดง

วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

“จำลอง” ย้ำขีดเส้นตายรัฐบาลพ้น 7 วัน พธม.ออกโรงแน่


“จำลอง” ย้ำขีดเส้นตายรัฐบาลพ้น 7 วัน พธม.ออกโรงแน่

Wed, 21 Apr 2010 15:52:21

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่บ้านพระอาทิตย์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึง กรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ประสานกับทางสำนักราชเลขาธิการ ขอเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณแก้ไขสถานการณ์บ้านเมือง มองว่า การกระทำดังกล่าวของ พล.อ.ชวลิต เป็นเรื่องที่แย่มาก จะนำเหตุการณ์ในปัจจุบันไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬไม่ได้ เพราะมีความต่างกัน เนื่องจากในปี 2535 ไม่ได้มีบุคคลใดไปทำระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทโดยการขอเข้าเฝ้าฯ ให้พระองค์ทรงแก้ปัญหา แต่เป็นพระบรมราชวินิจฉัยของพระองค์เอง ขณะที่การชุมนุมในเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อยับยั้งการหยุดสืบทอดอำนาจของเผด็จการ รสช. หลังจากที่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร รองหัวหน้าคณะรัฐประหารรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนที่ พล.อ.ชวลิต ออกมาระบุว่าการขอเข้าเฝ้าฯ เพื่อเป็นการป้องกันความสูญเสียนั้น เป็นเหตุผลที่ไม่มีน้ำหนัก

พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ถ้ารัฐใช้กระบวนการยุติธรรมตั้งแต่เมื่อเมษายน ปี 2552 ก็จบไปแล้ว คงไม่มีเหตุการณ์ยืดเยื้อมาจนถึงวันนี้ พันธมิตรฯ เรียกร้องให้รัฐบาลบังคับใช้กฏหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ตนต้องขอตำหนิรัฐบาลว่า ทำไมไม่ดำเนินการขั้นเด็ดขาด หรือจะต้องรอให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นก่อน เพราะถ้ารัฐบาลไม่ทำพันธมิตรฯ และประชาชนที่ทนไม่ได้ก็จะลุกฮือขึ้นมา แรกๆ อาจมีการใช้วิธีที่นุ่มนวลก่อน แต่หลังๆ ก็อาจจะมีการใช้อาวุธ ซึ่งอย่ารอให้ถึงวันนั้น ถ้ารัฐบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจัง ผู้ชุมนุมก็กลัว แต่ทำไมไม่เอาจริงเสียที ทั้งนี้ตนไม่ได้บอกให้รัฐใช้ความรุนแรง แต่ต้องทำให้เกิดความรุนแรงและความสูญเสียน้อยที่สุดเพื่อให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบ

“ผมขอเสนอว่า ถ้ารัฐบาลและผู้บัญชาการทหารบกไม่ทำ ก็ฝากแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ พิจารณาให้ดี สามารถประกาศกฎอัยการศึกในการจัดการม็อบเสื้อแดงได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุมัติจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ผมเชื่อว่าจะสามารถสลายการชุมนุมได้ภายใน 2 ชั่วโมง หากกระทำการเสร็จแล้วจึงค่อยแจ้งต่อรัฐบาล ถ้ารัฐบาลไม่เห็นด้วยก็แค่โดนสั่งย้าย เพราะจะปล่อยให้บ้านเมืองเสียหายต่อไปได้อย่างไร” พล.ต.จำลองกล่าว
ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะใช้กระบวนการทางสภาในการแก้ปัญหานั้น พล.ต.จำลองเห็นว่า เวทีสภาไม่มีความหวังเพราะวิกฤตที่เกิดขึ้นทุกครั้งไม่เคยแก้ไขได้ในสภา มีแต่จะแก้รัฐธรรมนูญกันอย่างเดียว ตนขอถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ผิดตรงไหน หรือเพราะแค่ขัดขวางผลประโยชน์ของตนเองหรือเปล่า ทำไม ส.ส.เหล่านี้จึงไม่เริ่มแก้ปัญหาที่ตัวเองก่อน ขณะที่การเจรจากับทั้ง 2 ฝ่าย ตนตั้งข้อสังเกตว่า จะให้เอาคนที่กระทำผิดกฏหมายหรือเป็นกบฏมาเจรจากันเป็นเรื่องที่ถูกหรือไม่ หากทำได้ อีกหน่อยคนก็ไม่กลัวกฎหมาย พอกระทำผิดทำให้เกิดการสูญเสียขึ้นก็มาตั้งโต๊ะเจรจากัน

“ปัญหาเวลานี้ไม่ใช่ความขัดแย้งของบ้านเมือง แต่เป็นเรื่องที่คนผิดไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ซึ่งหากจะบอกว่าตำรวจจับโจรถือเป็นความขัดแย้งอย่างนี้ก็ไม่ใช่” พล.ต.จำลองกล่าว

พล.ต.จำลองมอง กล่าวอีกว่าทางออกของสถานกการณ์นี้ว่า มี 2 ทาง คือ ใช้กระบวนการยุติธรรม กับอีกทางคือปฏิวัติ แต่เป็นสิ่งที่คนไม่ปรารถนา แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าชาติไม่มั่นคง ชุมชนไม่เข้มแข็ง แต่ระยะนี้ขาดทหารกล้า เพราะเสี่ยงต่อการถูกประหารชีวิต หากกระทำการไม่สำเร็จ ซึ่งตนเชื่อว่าใน 3-4 วันนี้ไม่มีใครจะสามารถกระทำได้ และการปฏิวัติก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ ส่วนเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายนนั้น รัฐบาลทำให้ทหารอ่อนแอที่สุด ซ้ำยังประกาศด้วยว่าไม่ให้ทหารติดอาวุธ จึงทำให้ทหารถูกยิงในที่สุด ขณะที่ปัญหาทหารแตงโมนั้น ตนคิดว่ามีน้อย หากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก็สั่งย้ายได้จะให้อยู่ขวางจนบ้านเมืองเสียหายได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่ามีบางสิ่งที่ทำให้รัฐเริ่มเข้มแข็งแล้ว ส่วนการทำหน้าที่ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหาร ในฐานะหัวหน้าผู้ปฏิบัติการ ศอฉ.นั้น ก็ต้องให้โอกาสอีกสักครั้ง

นอกจากนี้ พล.ต.จำลองยังกล่าวถึงกรณีที่พันธมิตรฯ กำหนดระยะเวลาให้รัฐบาลจัดการกลุ่มคนเสื้อแดงภายใน 7 วันว่า ตนยืนยันว่าพันธมิตรฯ ไม่ได้ออกมาเพื่อให้ทหารปฏิวัติ แต่ทุกคนมีหน้าที่ในการปกป้องราชบัลลังก์ โดยหลังกำหนดไปแล้วพันธมิตรฯ ก็อาจจะชักชวนคนที่รักชาติให้ออกมาช่วยกันยุติการก่อการร้ายเริ่มด้วยวิธีง่ายๆ ไปหายากซึ่งในวันที่ 25 เม.ย.หากรัฐบาลยังไม่สามารถจัดการกับกลุ่มเสื้อแดงและผู้ก่อการร้ายซึ่งอยู่ในกระบวนการเดียวกัน แกนนำพันธมิตรฯจะประชุมกำหนดท่าทีในการออกมาเคลื่อนไหวทันที เพราะรัฐบาลกลัวไม่กล้าทำอะไรปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายเปลี่ยนแปลงประเทศไทยขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆประชาชนจะอยู่กันอย่างไร พันธมิตรฯและประชาชนที่ทนต่อไม่ไหวกับการโกหกบิดเบือนทุกสถานการณ์และการจาบจ้วงสถาบันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนของกลุ่มคนเสื้อแดงและอตีดนายกฯทักษิณ พร้อมออกมาทันทีเมื่อได้รับสัญญานมาเพื่อปกป้องประเทศชาติและราชบัลลังค์ เพราะการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง มีหลายระดับมีทั้งกลุ่มที่ติดดคีอยู่ในศาลที่ต้องการให้การชุมนุมยาวนานที่สุด กลุ่มรับใช้ทักษิณ และกลุ่มเปลี่ยนแปลงประเทศ ซึ่งทำให้มีการเคลื่อนไหวทุกรูปแบบและสามารถทำได้ทุกวิธีทางในการทำลายประเทศไทยจนเกิดสงครามกลางเมือง ซึ่งทางแก้ไขสถานการณ์ขณะนี้ต้องหยุดขบวนการก่อการร้ายเหล่านี้ให้ได้ หากรัฐบาลไม่กล้าทำตอนนี้ต้องเจอม็อบออกมาไล่แน่นอนซึ่งในช่วงประชาชนยังให้โอกาสรัฐบาลอยู่และมีความชอบธรรมในการดำเนินการตามกฏหมายทุกอย่างก็ควรจะต้องเร่งคืนความสงบให้ประเทศ
--------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก"พล.ต.จำลอง"แถลงข่าวดังกล่าว ในวันรุ่งขึ้น(๒๒เม.ย.๕๓)ได้มีการชุมนุมของกฃุ่มเสื้อหลากสีที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และบริเวณถนนสีลม กระทั่งในช่วงค่ำเกิดเหตุการณ์คนร้ายยิงอาวุธ M79 เข้ามาบริเวณผู้คนที่อยู่บริเวณชานชลาจอดรถไฟฟ้าศาลาแดง กับด้านหน้าโรงแรมดุสิต มีผู้บาเจ็บ ๘๐ รายเสียชีวิต ๓ ราย

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความโกรธแค้นให้กับม็อบเสื้อหลากสี มีการด่าทอและบุกไปยังสถานที่ชุมนุมของม็อบเสื้อแดงกระทั่งเกิดการปะทะขัดขวางของเจ้าหน้าที่ และม็อบแดง จนมีรายงานข่าวว่าจะมีการสลายการชุมนุมในช่วงเช้ามืด(๒๓เม.ย.)
----------------------
บึ้มใต้BTSศาลาแดงเจ็บอื้อศอฉ.สั่งเร่งสอบ

มือมึด ลอบยิงวัตถุคล้ายระเบิดลงกลางแยกสีลม ใส่ผู้ชุมนุม 2ฝ่ายแตก หนีชลมุล เบื้องต้นพบ ผู้บาดเจ็บ 3 ราย เจ้าหน้าที่รุดตรวจสอบพร้อมกั้นพื้นที่พิเศษ ด้าน ผู้บังคับการนครบาล 5 เผย มีวัตถุคล้ายระเบิด ลงเยื้องโรงแรมดุสิตซ้ำอีก เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ จำนวนหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาเกิดเหตุ คนร้าย ลอบยิงวัตถุ คล้ายระเบิดลงที่บริเวณ แยกสีลม ใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีศาลาแดง โดยขณะเกิดเหตุกลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มคนหลายสีที่ชุมนุมเผชิญหน้ากัน อยู่นั้น ก็เกิดเสียงดังสนั่น ขึ้น 3 ครั้ง จนผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายต่างวิ่งหลบหนีกันอย่างชลมุนจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เป็นชาวต่างชาติ 1ราย และคนไทย 2 รายเจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลเลิดสิน ทำการรักษา ส่วนจุดเกิดเหตุดังกล่าวขณะนี้ เจ้าหน้าที่ได้กั้นเป็นพื้นที่พิเศษ และเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และเกิดการชลมุนกันขึ้น

ขณะที่ทางด้าน ฝ่ายประชาสัมพันธ์ รถไฟฟ้าบีทีเอส แจ้งว่า หลังเกิดเหตุดังกล่าว ได้งดเดิน สายลีลม ทันที เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยส่วนสายสุขุมวิทยังให้บริการตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ทางด้าน ศอฉ .ได้รับบรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล เบื้องต้น ยังไม่ยืนยันว่าจะเป็นระเบิดหรือวัถตุใดซึ่งอาจเป็นไปได้ที่ผู้ก่อเหตุอาจปามาจากจุดใกล้เคียงที่เกิดเหตุได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ขณะที่ทางด้าน นายปนิทาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรนํบมนตรี เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ.รับทราบเหตุดังกล่าวแล้ว ซึ่งกำลังเร่งตรวจสอบว่าเหตุระเบิดดังกล่าวเกิดจากวัตถุระเบิดชนิดใด และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนที่ชัดเจนกี่ราย
ด้าน พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยว่า เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุเสียงดังคล้ายระเบิด บริเวณเยื้องโรงแรมดุสิตธานี โดยมีเสียงดังขึ้นติดต่อกัน โดยบริเวณดังกล่าว มีประชาชนและผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายเดินสัญจรไปมา รวมทั้งประชาชนที่เลิกงานบางส่วน ต่างวิ่งหลบหนีกันจ้าละหวั่น ซึ่งขณะนี้ ยังไม่สามารถ ยืนยันว่า เหตุดังกล่าวนั้น เกิดจากวัตถุระเบิด หรือวัตถุชนิดใด เบื้องต้นจุดดังกล่าวนั้น มีรายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้บาดเจ็บ ล่าสุดที่โรงพยาบาลเลิดสิน มีรายงานว่า มีผู้บาดเจ็บ จากเหตุวัตถุคล้ายระเบิดเข้ารักษาตัวแล้ว จำนวน 7 ราย โดยผู้บาดเจ็บเป็นผู้ชุมนุมกลุ่มหลากสี ขณะที่รถไฟฟ้าใต้ดิน เอ็มอาร์ที ประกาศปิดให้บริการสถานีสีลมแล้ว หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

ความคืบหน้า เหตุการณ์คนร้ายลอบยิง วัตถุคล้ายระเบิด ใส่ผู้ชุมนุมกลุ่มหลากสี ที่เผชิญหน้ากันกับกลุ่มคนเสื้อแดง บริเวณแยกสีลมและใกล้เคียงกับโรงแรมดุสิต ล่าสุดเจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาล ประกอบด้วย โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลเซนหลุยส์ โดยทีมแพทย์อยู่ระหว่างการรักษา โดยพบว่า ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ มีบาดแผลจากการถูกสะเก็ดระเบิดตามร่างกาย และมีบางรายที่ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ศรีษะ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บรรยากาศ บริเวณแยกสีลม และจุดที่เกิดเหตุดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรึงกำลังแล้ว และสั่งห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่ ขณะที่ผู้ชุมนุมกลุ่มหลากสีบางส่วน ได้ทยอยเดินทางออกนอกพื้นที่แล้ว ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดง ทางแกนนำได้ประกาศห้ามผู้ชุมนุมออกนอกเขตบังเกอร์โดยเด็ดขาด เนื่องจากไม่มั่นว่า จะเกิดเหตุระเบิดอีกหรือไม่

ผอ.ศูนย์เอราวัณ เผย ยอดคนเจ็บ จากเหตุระเบิด 5 ครั้ง ย่านสีลม สูง 30-40 ราย ส่งรักษา 5 ร.พ.เลิดสิน, กรุงเทพคริสเตียน, กรุงเทพเนอร์สซิ่งโฮม, จุฬาฯ, พระมงกุฎ

ในขณะที่รถไฟฟ้า MRT ขอแจ้งปิดสถานีหัวลำโพง สามย่าน สีลม ลุมพินี และคลองเตย จนไปถึงเวลาปิดให้บริการ 24.00 น. ส่วนรถไฟฟ้า BTS ปิดให้บริการสายสีลม

ทั้งนี้ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. เปิดเผย ถึงเหตุการณ์เกิดเหตุระเบิดที่กลางสี่แยกสีลมว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าวัตถุระเบิดดังกล่าว เป็นระเบิดชนิด เอ็ม 79 โดยยิงมาทั้งหมด 5 นัด จุดแรก 3 นัด ลงที่หลังคาสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง ส่งผลให้มี ผู้บาดเจ็บจำนวน 3 ราย เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 ราย ประชาชน 1 ราย และเจ้าหน้าที่ทหาร ส่วนจุดที่ 2 บริเวณ ชั้น 2 เส้นทางสกายวอล์ค ของสถานีไฟฟ้าบีทีเอส เชื่อมต่อกับห้างสรรพสินค้า ส่วนจุดที่ 3 หน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา เบื้องต้นได้มีการทยอยนำผู้บาดเจ็บ ส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง ทำการรักษา โดยผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ ได้รับบาดแผลจากสะเก็ดระเบิด ส่วนจุดที่ยิงระเบิดนั้น จากวิถีที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า อาจมาจาก จุดหลังลานพระรูป ร.6 หรือ จาก เวทีปราศรัยย่อย ของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ ศาลาแดง ซึ่งจุดที่ระเบิดทั้งหมดนั้น เป็นจุดยิงที่เดียวกัน ซึ่งต้องให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบ และขณะนี้ทุกจุดที่เกิดเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรึงกำลังเรียบร้อยแล้ว และขอให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่

อย่างไรก็ตาม ทางด้านศูนย์เอราวัณ แจ้งว่า ขณะนี้มีผู้บาดเจ็บ ทั้งหมดกว่า 30 ราย กระจายรักษาตามโรงพยาบาลใกล้เคียง และมีสาหัส 3-4 ราย ซึ่งขณะนี้ ตัวเลขผู้บาดเจ็บ ยังไม่นิ่ง เนื่องจากมีผู้บาดเจ็บ บางรายที่ยังไม่รู้ตัวว่า ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่านายกฯ ได้รับรายงานเหตุความวุ่นวายที่บริเวณแยกศาลาแดง ถนนสีลม เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาแล้ว โดยขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการควบคุมสถานการณ์ให้ได้โดยเร็ว และเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้เบื้องต้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุใช้เครื่องยิงวัตถุระเบิดชนิด M79 ไปที่ใต้สถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส ศาลาแดง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย หนึ่งในนั้นมีชาวต่างชาติถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณขาด้วย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่า ผู้ก่อเหตุจะเป็นชุดเดียวกัน กับวันที่สร้างสถานการณ์ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. หรือไม่

ด้าน น.พ.เพชรพงษ์ กำจรกิจ ผู้อำนวยการศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ กทม. เปิดเผย เหตุการณ์คนร้ายลอบยิงระเบิด M79หลายจุดย่านสีลม ล่าสุดมีผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตแล้ว 1 ราย โดยเป็นชายไทย ไม่ทราบชื่อ ซึ่งขณะนี้ ทีมแพทย์ และพยาบาลอยู่ระหว่างการตรวจสอบและติดตามญาติ ส่วนผู้บาดเจ็บนั้น ขณะนี้มีจำนวนกว่า 40 ราย กระจายรักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆ ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้น ก็มีอาการสาหัส ซึ่งทีมแพทย์และพยาบาลอยู่ระหว่างการช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และเก็บพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังเกิดเหตุดังกล่าว มีประชาชนที่อาศัยใกล้จุดเกิดเหตุได้เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และนำผู้บาดเจ็บบางรายปฐมพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงน้ำใจของคนไทย แต่ขณะที่ถนนสีลมขณะนี้ มีเจ้าหน้าที่ทหารตรึงกำลังเรียบร้อยแล้ว และกันประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่ ซึ่งมีรายงานว่า นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมด่วน เพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
รายชื่อผู้บาดเจ็บ จากเหตุระเบิดหลายครั้ง ที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้า ศาลาแดง ข้างโรงแรมดุสิต และหน้าธนาคารกรุงเทพ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ กว่า 20 ราย

ผู้ที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน มีจำนวน 23 ราย ได้แก่1. Benjamin Rowm 2. บุญยเกียรติ ศรีโพธิ์งาม 3. วิษณุ เตชะวิทจินดา อายุ 23 ปี 4. พรทิพย์ วรรณวิมลสุข อายุ 47 ปี 5. ธงคจร มากสัมพันธ์ 6. พีรพงษ์ มาศธะกาย อายุ 19 ปี 7. สุนทร ตาคำทรัพย์ 8. เตือนใจ ทัดศรี 9.นายถิรวัฒน์ ต่างสันเทียะ อายุ 42 ปี 10. เรณู เกิดพ่อแด 11. น.ส.จุฑารัตน์ เสตะจันทน์ อายุ 36 ปี 12.อรวรรณ วิทยาสุข อายุ 53 ปี 13. สิทธิโชค ชูศิริยานัน 14. สมชัย ชูศิริยานันนกุล 15. นางชลารินทร์ ใจใกล้ 16. นายศราวุทธ ชูศิริยานันทกุล 17. นายสุวรรณ จันทรเสน อายุ 44 ปี 18. อนุรัตน์ ไม่ทราบนามสกุล 19. จุฑานุช แซ่เบ๊ อายุ 22 ปี20. หทัยทิพย์ พิบูลกุลสัมฤทธิ์ 21. อรทัย ศรีอำภา 22. พจนีย์ มานตรี อายุ 55 ปี 23. นายชาญชัย สายโพ
ผู้ที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลเลิดสิน มี 3 ราย ได้แก่ 1.ณัฐนันท์ (ไม่ทราบนามสกุล) 2.จันทรา ภู่รุ่งทรัพย์ 3. อาจารี เพ็ชรธนาวราภรณ์

ความคืบหน้า เหตุการณ์ระเบิดหลายจุดย่านสีลม ล่าสุดศูนย์เอราวัณ เปิดเผย ยอดผู้บาดเจ็บ ณ เวลา 23.00 น.มียอดผู้บาดเจ็บ 68 ราย ผู้เสียชีวิต 1 ราย โดยผู้เสียชีวิตมีบาดแผลฉกรรจ์ที่หน้าอก ซึ่งขณะนี้ทีมแพทย์ ได้ทำการชันสูตรศพที่ โรงพยาบาลจุฬาฯ โดยผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ กระจายรักษาตามโรงพยาบาลใกล้เคียง ประกอบด้วยโรงพยาบาลเลิดสิน จำนวน 19 ราย สาหัส 2 ราย โรงพยาบาล บีเอ็นเอช 3 ราย โรงพยาบาลจุฬาฯ กว่า 30 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบาดแผลจากสะเก็ดระเบิด

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการชุมนุมของคนเสื้อแดง ก็ได้เกิดเสียงคล้ายยิงพลุบ่อยครั้ง เนื่องจาก มีการยิงพลุ และปล่อยโคมลอย รบกวนการบินเฮลิคอปเตอร์ที่บินวนเวียนตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เปิดแถลงการณ์"จิ๋ว"ขอพระมหากรุณาธิคุณฯ"ในหลวง" แก้ปัญหาวิกฤตชาติ (ฉบับเต็ม)

วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553 เวลา 22:15:07 น. มติชนออนไลน์

เมื่อวันที่ 22 เมษายน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และประธานพรรคเพื่อไทย ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีที่ขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยุติความขัดแย้งภายในประเทศ ความว่า


คำแถลงการณ์ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์กับการเมือง

ด้วยความเคารพต่อข้อคิดเห็นของทุกฝ่าย คำแถลงฉบับนี้ กระผมมิได้กระทำในฐานะนักการเมืองเพื่อตอบโต้ หรือ แสวงหาประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองที่สังกัดแต่ประการใด ซึ่งเรื่องทางการเมืองยังมีอีกมาก แต่จะไม่ขอนำมากล่าวไว้ ณ ที่นี้ ด้วยความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองในฐานะส่วนตัว กระผมได้ทำงานด้านความมั่นคงของชาติมายาวนาน และนำเสนองานด้านวิชาการอันเป็นหลักวิชาที่เป็นความเห็นถูกแห่งสัมมาทิฐิ เพื่อรักษาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นการให้การศึกษาต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง นำไปสู่ความสำเร็จของการสร้างประชาธิปไตยและเป็นการนำเสนอหลักวิชาเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติชาติทั้งปวง ต่อไปด้วย

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2553 กระผมได้แถลงโดยสรุปว่า “…คือ หวังในพระมหากรุณาธิคุณที่จะพระราชทานให้พวกเรา เพื่อยุติความขัดแย้งที่มีมานาน และสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองอย่างมหาศาล...พระอาญามิพ้นเกล้าฯ ข้าพระพุทธเจ้าขอรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้เหนือหัว หากสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเราในวันนี้ คือ ขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณปกเกล้าปกกระหม่อมให้กับพี่น้องคนไทย ให้กับพวกเราด้วย ผมคิดว่าถ้าไม่มีพระมหากรุณาธิคุณ ก็ไม่แน่ใจต่อการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นภายในวันสองวันข้างหน้านี้ และจะเป็นตราบาปที่คนไทยไม่ต้องการเห็น...ที่ตัดสินใจมาทำงานทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทย เพราะมีภารกิจที่ต้องพิสูจน์ว่า พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อสีนี้และคนที่เกี่ยวข้องมีความจงรักภักดีหรือไม่ วันนี้ก็ได้พิสูจน์ด้วยสายเลือดทหารรักษาพระองค์ จึงขอประกาศว่า บุคคลทุกคนที่กล่าวมาข้างต้น มีความจงรักภักดีอย่างที่สุด สิ่งที่หวัง คือ ให้สังคมไทยเกิดสันติสุข และปัญหาได้รับการแก้ไข จะยืนหยัดทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน โดยเฉพาะการสถาปนาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ ให้สถิตสถาพรต่อไปให้จงได้

...ผู้สื่อข่าวถามว่า...แสดงว่าใน 1-2 วัน ทหารจะใช้กำลังเข้าสลายประชาชน ใช่หรือไม่ กระผมตอบว่า "มันคือสิ่งที่ต้องเน้นย้ำ เพราะกลัวว่าทหารจะใช้กำลังเข่นฆ่าประชาชน..." รายละเอียดปรากฏตามเอกสารแนบท้ายได้ปรากฏว่า วันรุ่งขึ้น 20 เมษายน 2553 ฯพณฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ว่า "ไม่เห็นด้วยและไม่บังควรที่นำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการเมือง" และนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย กล่าวว่า "...นับว่าเป็นความคิดที่แย่มาก คนแก่มีวุฒิภาวะถึงขนาดนี้ เคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว ย่อมรู้ดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง และอยู่เหนือการเมือง...เป็นการดึงฟ้าให้ต่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และอยู่เหนือความขัดแย้งมาโดยตลอด

ความคิดเช่นนี้เป็นความคิดที่ทุกคนเข้าใจได้ดีว่า เป็นความคิด ที่ทำลายสถาบัน..." และคำกล่าวของนายศุภชัย ใจสมุทร ว่า "..ก็ควรต้องรู้ว่าอะไรบังควรหรือไม่บังควร เพราะเป็นที่รู้กันตามรัฐธรรมนูญ พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง.." ฯลฯ

กระผมต้องขอขอบคุณทุกท่าน ที่ได้กรุณาให้ความสำคัญต่อปัญหานี้ ที่กระผมได้เสนอขึ้น ซึ่งได้ก่อผลสะเทือนออกไปอย่างกว้างขวาง ลึกซึ้ง แสดงถึงว่าบุคคลเหล่านี้ได้เป็นตัวอย่างอันดียิ่ง สะท้อนภาพว่ามีมิจฉาทิฐิ หรือความเห็นผิด หรือความมืดบอดอวิชชาอย่างหนาแน่น ต่อปัญหาสถาบันพระมหากษัตริย์กับการเมืองการปกครอง นั่นคือ แสดงว่ามีปัญหาความคิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ยังแก้ไม่ตก คือ มีความรู้ผิดหรือมีความไม่รู้ นั่นเอง ซึ่งมีผลเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และประเทศชาติ ประชาชน อย่างร้ายแรง ซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่ได้เจตนา

ดังนั้น จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้สร้างความเห็นถูกสัมมาทิฐิ แก้ไขความคิดให้ถูกต้อง มีความจงรักภักดีอย่างมีวิชชา เพื่อรักษาความมั่นคงแด่สถาบันพระมหากษัตริย์ที่ถูกต้อง และนำไปสู่ความสำเร็จของการสร้างประชาธิปไตย และการแก้ปัญหาของประชาชนทั้งมวล ฉะนั้น จึงขอชี้แจงต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้

1. ก่อนอื่นทั้งสิ้นเราจะต้องรู้ให้ถูกต้องเสียก่อนว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยมีความจริงแท้เป็นมาอย่างไร ตามกฎหมายระหว่างประเทศได้รับรองสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า
"...สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้แทนแห่งอำนาจอธิปไตยแห่งรัฐ ดังนั้น สถาบันพระมหากษัตริย์จึงทรงเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์” (THE MONARCH APPEARS AS THE REPRESENTATIVE OF THE SOVEREIGNTY OF THE STATE, AND THEREBY BECOMES A SOVEREIGNTY HIMSELF) จากหนังสือ INTERNATIONAL LAW A TREATISE VOL.I - PEACH BY H. LAUTERPACHT, Q.C., LL.D., F.B.A.
สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ (HEAD OF STATE) ซึ่งเป็นประมุขสูงสุดแห่งองค์กรรัฐ (A HEAD AS ITS HIGHEST ORGAN) หรือเป็นหัวหน้าขององค์กรรัฐ (CHIEF ORGAN) และเป็นตัวแทนของรัฐในความสัมพันธ์และกิจการระหว่างประเทศทั้งสิ้น (REPRESENTATIVE IN THE TOTALITY OF ITS INTERNATIONAL RELATIONS)
สถาบันพระมหากษัตริย์ในฐานะเป็นส่วนสำคัญของชาติไทย ที่เป็นสถาบันที่มีมายาวนานที่สุดและทรงก่อตั้งชาติ ทรงมีพระราชอำนาจตามนิติราชประเพณี ภายใต้พระราชดำริและพระราชวินิจฉัยตามความรับผิดชอบของสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อประเทศชาติ มาตั้งแต่ก่อตั้งชาตินับร้อยปีนับพันปี จึงทรงมีอำนาจมากกว่าสถาบันอื่นๆ ที่มีลักษณะเป็นประมุข
สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นจอมทัพไทย ซึ่งกองทัพไทยประกอบ ด้วยกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ตำรวจ และอาสาต่างๆ ทั้งสิ้น"

2. สถาบันพระมหากษัตริย์ในยุคเปลี่ยนผ่านจากยุคสมัยเก่า ขึ้นสู่ยุคประวัติศาสตร์สมัยใหม่ทรงสร้างประชาธิปไตย ตั้งแต่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง (ร.5) สมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ (ร.6) และสมเด็จพระปกเกล้าฯ (ร.7) ที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิ์ จนสามารถรักษาเอกราชของชาติไว้ได้ จากการ ล่าอาณานิคมของประเทศนักล่าอาณานิคม และยกระดับประเทศขึ้นสู่ความทันสมัยศิวิไลซ์ (MODERNIZATION) อีกทั้งทรงวางรากฐานประเทศด้านความมั่นคง และด้านประชาธิปไตย และสมเด็จพระปกเกล้าฯ กำลังทรงสร้างประชาธิปไตย ขั้นตอนสุดท้ายเกือบสำเร็จ แต่ได้เกิดเหตุการณ์ 24 มิถุนายน 2475 ขึ้นเสียก่อน ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ 24 มิถุนายน 2475 การสร้างประชาธิปไตยของไทย โดยพระมหากษัตริย์ก็จะสำเร็จไปแล้วประเทศไทยจะเจริญรุ่งเรืองพร้อมๆ กับประเทศญี่ปุ่นไปแล้ว นี่คือ บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อบ้านเมืองไทยในอดีต ที่ไม่มีใครปฏิเสธได้แม้แต่น้อย

และที่สำคัญที่สุด สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหนึ่งในสามสถาบันที่สร้างประชาธิปไตยในโลก คือสถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันกองทัพ สถาบันพรรคการเมือง แต่สำหรับประเทศเอกราชเอเชีย 3 ประเทศ คือ จีน ไทย ญี่ปุ่น มีกฎเกณฑ์พิเศษอยู่ว่า มีเพียงสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้นที่สร้างประชาธิปไตยได้ ถ้าสถาบันพระมหากษัตริย์ถูกขัดขวาง ก็จะไม่สามารถสร้างประชาธิปไตยได้ ประเทศจีน ถูกขัดขวางก็กลายเป็นคอมมิวนิสต์ ญี่ปุ่นไม่ถูกขัดขวางก็สร้างประชาธิปไตยได้สำเร็จ ประเทศไทยสร้างประชาธิปไตยขึ้นในขั้นตอนแรก แต่ถูกขัดขวาง โดยเหตุการณ์ 24 มิถุนายน 2475 การสร้างประชาธิปไตยขั้นตอนที่ 2 จึงไม่สำเร็จ ประชาธิปไตยของไทยจึงยังสร้างไม่สำเร็จตลอดมาเป็นระยะเวลาถึง 78 ปี ไม่ว่าจะเป็นโดยสถาบันกองทัพ หรือสถาบันพรรคการเมือง

3. สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ ทรงใช้อำนาจผ่าน 3 ทาง คือ ทางคณะรัฐมนตรี รัฐสภา และศาล ตามรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 มาตรา 3 ตามธรรมชาติและข้อเท็จจริง สถาบันได้ใช้อำนาจ สถาบันนั้นอยู่ในการเมือง ดังนั้น เมื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงใช้อำนาจอธิปไตยผ่าน 3 ทาง ดังที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ก็แสดงว่าพระมหากษัตริย์อยู่ในการเมือง ไม่ได้อยู่นอกการเมือง หรือไม่ได้อยู่เหนือการเมืองแต่อย่างใดทั้งสิ้น

การกล่าวว่า สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่นอกการเมือง หรืออยู่เหนือการเมือง หรือไม่เกี่ยวกับการเมืองนั้นเป็นการกล่าวที่ผิดหลักวิชารัฐศาสตร์ ผิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ผิดข้อเท็จจริงที่ดำรงอยู่ และการกล่าวเช่นนั้นเป็นการลิดรอนพระราชอำนาจ ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยไม่รู้ตัว เพราะไม่มีประมุขประเทศใดในโลกไม่มีอำนาจของประมุข ไม่ว่าจะเป็นประเทศราชอาณาจักรหรือไม่ใช่ประเทศราชอาณาจักร ประเทศที่มีรูปของประเทศ (FORM OF COUNTRY) เป็นแบบราชอาณาจักร สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจในฐานะประมุขแห่งรัฐ หรือประมุขของประเทศ มีพระราชอำนาจในการทรงแต่งตั้ง ถอดถอน ประมุขทางการเมืองเช่น นายกรัฐมนตรี ประธานสภา และประธานศาลฎีกา อย่างเด็ดขาดสมบูรณ์บริบูรณ์

ถ้าประเทศใดมี รูปของประเทศเป็นแบบอื่น สถาบันที่เป็นประมุขก็จะมีอำนาจเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เป็นเพียงตรายาง คือ มีแค่ตำแหน่งแต่ไม่มีอำนาจ ปัจจุบันรัฐธรรมนูญไทย ยังลิดรอนพระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ ในฐานะประมุขแห่งรัฐอยู่อย่างมากมาย

4. ประเทศที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น ดีกว่าประเทศที่มีสถาบันอื่นเป็นประมุข ดังเช่นสถานการณ์หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เยอรมนี โดยการนำของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ซึ่งเป็นทั้งนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้นำสูงสุดหรือประธานาธิบดีจึงนำเยอรมันเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 และทำสงครามจนพ่ายแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตร แต่อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ยังไม่ยอมแพ้ จึงถูกโจมตีจนกรุงเบอร์ลินแหลกละเอียด ประชาชนล้มตายมหาศาล แม้นายพลรอมเมล สิงห์ทะเลทราย จะลอบสังหารฮิตเลอร์ เพื่อยุติสงคราม กลับถูกจับและสั่งให้กินยาตาย เยอรมนีพินาศย่อยยับ ฮิตเลอร์ยิงตัวตายในห้องใต้ดิน เยอรมนีย่อยยับ เพราะไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ญี่ปุ่นพ่ายแพ้แล้วโดยถูกทิ้งระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมา และเมืองนางาซากิ นายกรัฐมนตรีจอมพลโตโจไม่ยอมแพ้จะสู้ต่อ ซึ่งจะทำให้ญี่ปุ่นถูกระเบิดปรมาณูจนจมหายไปในมหาสมุทรแปซิฟิก คนญี่ปุ่นจะล้มตายมหาศาล แต่สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น ทรงมีพระบรมราชโองการปลดนายพลโตโจ แล้วทรงตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทน สงครามโลกครั้งที่ 2 จึงยุติลง ญี่ปุ่นจึงยังไม่พังพินาศ ย่อยยับ เพราะมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

อิตาลีก็แพ้แล้วเช่นกัน มุสโสลินีนายกฯจะไม่ยอมแพ้ จึงถูกปลดโดย พระเจ้า วิคเตอร์ เอ็มมานูเอล และทรงตั้งนายพลทหารเรือ คนหนึ่งเป็นนายกฯ จึงสามารถยุติสงครามโลกลงได้ อิตาลีไม่ย่อยยับเพราะมีสถาบันพระมหากษัตริย์ประเทศไทย เพราะมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จึงสามารถรักษา เอกราชชาติบ้านเมืองให้รอดพ้นมาได้จนถึงทุกวันนี้ จากภัยลัทธิล่าอาณานิคม ลัทธิคอมมิวนิสต์ และภัยทุกชนิด โดยเฉพาะสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2
ดังนั้น จึงต้องพิทักษ์และเทิดทูน สถาบันพระมหากษัตริย์ ไว้เป็นประมุขของประเทศไทยตลอดไป และต้องทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ มีพระราชอำนาจอย่างสมบูรณ์ ตามหลักวิชาการเมืองการปกครองที่ถูกต้อง

5. สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยในฐานะประมุขแห่งรัฐ มีคุณูปการต่อประชาชนอย่างยิ่ง คือเพราะประเทศไทยมีการปกครองระบอบเผด็จการ ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการรัฐสภา หรือเผด็จการรัฐประหาร เป็นธรรมดาที่เมื่อฝ่ายใดได้อำนาจก็จะเผด็จการอย่างเต็มที่ ซึ่งจะก่อความเดือดร้อน และความเสียหายต่อประเทศชาติ แต่พระมหากษัตริย์ทรงคานและคัดค้านการใช้อำนาจเผด็จการ ให้ลดความรุนแรงเลวร้ายน้อยลง เช่น ทรงยุติวิกฤติชาติ ยุติการฆ่าฟันประชาชน ในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ และพฤษภาทมิฬ นี่เป็นการเมืองที่ถูกต้องใช่หรือไม่

6. สถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นสถาบันแห่งความยุติธรรมทางการเมือง จึงทรงสามารถยุติความแตกแยก ขัดแย้ง ฆ่าฟันกันทางการเมือง ในขณะที่ไม่มีสถาบันใดจะยุติสถานการณ์ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าสถาบันกองทัพ สถาบันรัฐบาล และสถาบันรัฐสภา ดังเช่นเหตุการณ์ 14 ตุลา และพฤษภาทมิฬโดยเฉพาะในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ทรงแสดงความเป็นสถาบันที่ทรงความยุติธรรมทางการเมือง โดยทรงรับสั่งให้ทั้งฝ่าย พล.อ.สุจินดา คราประยูร และฝ่าย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เข้าเฝ้าพร้อมกัน แล้วทรงตรัสให้ทั้งสองฝ่าย ร่วมกันยุติวิกฤตการณ์ จึงสามารถยุติสถานการณ์วิกฤติ ลงได้อย่างเบ็ดเสร็จสิ้นเชิง นี่คือบทบาททางการเมืองของสถาบันพระมหากษัตริย์ใช่หรือไม่ ถ้าไม่มีบทบาทดังกล่าวแล้วจะเกิดอะไรขึ้น จะไม่เกี่ยวกับการเมืองได้อย่างไร

7. ในอดีตพรรคประชาธิปัตย์เคยเรียกร้องรัฐบาลพระราชทาน ตามมาตรา 7 และพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 7 ไม่ได้บัญญัติไว้ให้อำนาจพระมหากษัตริย์ ในการพระราชทานรัฐบาลพระราชทาน แต่การที่กระผมได้ขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ พระบารมีปกเกล้าฯให้กับประชาชนทั้งประเทศ โดยที่ยังไม่ได้มีพระราชวินิจฉัยใดๆ ทั้งสิ้นว่าเป็นเช่นไร แล้วทำไมจึงมีการออกมาวิพากษ์วิจารณ์กระผมก่อน มิเป็นการละเมิดพระบรมราชวินิจฉัย และพระราชอำนาจหรือ ฯพณฯ อภิสิทธิ์ และ ฯพณฯ สุเทพ ได้เคยเสนอจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เมื่อครั้งซาวด์เสียงผู้ควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมกับ ฯพณฯ สมัคร สุนทรเวช แต่ต่อมาก็ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ตามพระราชดำรัส “รู้รักสามัคคี” และต่อมายังได้ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงว่าไม่ได้เคยเสนอรัฐบาลแห่งชาติ ทำให้เห็นว่าท่านไม่มีจุดยืน เพื่อประโยชน์ชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง สองมาตรฐานหรือไม่ครับ ท่านสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

8. การทรงรับฎีกาจากราษฎรเป็นธรรมเนียมอันมีมายาวนาน ของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย และการถวายฎีกาเป็นเสรีภาพของประชาราษฎรตลอดมา ตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามฯจนถึงปัจจุบัน เป็นสัมพันธภาพระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์ และพสกนิกรของพระองค์ที่ดีงามสูงส่งตลอดมา นั่นคือ สะท้อนภาพถึงทศพิธราชธรรมของสถาบันพระมหากษัตริย์ และสะท้อนภาพความจงรักภักดีอย่างยิ่งของประชาราษฎรการถวายฎีกาที่เป็นประวัติศาสตร์ คือการถวายฎีกาขอพระราชทานการปกครองแบบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2428 โดยเจ้านายและขุนนาง นำโดยกรมพระนเรศวรฤทธิ์ ดังจะยกมาเป็นตัวอย่างเพื่อเทียบเคียงกับของกระผม ดังนี้

“...ข้าพระพุทธเจ้า ผู้มีชื่อในท้ายหนังสือนี้ ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสกราบบังคมทูลพระกรุณาทรงทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ด้วยอำนาจความกตัญญูต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทแลความรักชาติบ้านเมือง ซึ่งเป็นของไทยมาหลายร้อยปี จึงทำให้ข้าพระพุทธเจ้าตั้งใจเอาร่างกายและชีวิตเข้าฉลองพระเดชพระคุณ ทำราชการให้บ้านเมืองเจริญ ได้เป็นที่ลำนักร่มเย็นเป็นเอกราชในประเทศของตน และอำนาจน้ำพระพัฒน์ ซึ่งข้าพระพุทธเจ้าถือเอาเป็นที่หมายว่าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท มีพระราชหฤทัยเชื่อถือในความสัตย์ของข้าพระพุทธเจ้า และตั้งพระราชหฤทัยที่จะทำนุบำรุงข้าราชการและราษฎรทั้งหลายในพระราชอาณาเขต ให้มีความสุขความเจริญทั่วไป ทั้งสัญญาซึ่งข้าพระพุทธเจ้าได้แสดงทูลเกล้าฯ ถวายว่าที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายมีใจซื่อสัตย์กตัญญู คิดทำราชการฉลองพระเดชพระคุณโดยเต็มกำลังและปัญญา ข้าพระพุทธเจ้าจึงได้สามารถกราบบังคมทูลพระกรุณาในสมัยกาลปัตยุบัน ซึ่งข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายเห็นด้วยเกล้าฯ ว่าเป็นเวลาอันตรายจะมาถึงกรุงสยามได้ ด้วยเหตุภัยต่างๆ และซึ่งข้าพระพุทธเจ้าถือว่าถ้ามิได้กราบบังคมทูลพระกรุณาความรู้เห็นแล้วก็จะเป็นการขาดจากความกตัญญูและน้ำพระพัฒน์ ทั้งความรักใคร่ในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท แลทั้งพระราชอาณาเขต ซึ่งเป็นของข้าพระพุทธเจ้า ชาวสยามทั่วกันหมด

ความซึ่งข้าพระพุทธเจ้าจะได้กราบบังคมทูลพระกรุณาต่อไปนี้ มีอยู่สามข้อเป็นประธาน คือ

1. คือภัยอันตรายซึ่งจะมีมาถึงกรุงสยามได้ด้วยความปกครองของกรุงสยาม ดังเป็นอยู่ในปัตยุบันนี้ จะเป็นไปได้ด้วยเหตุต่างๆ ดังมีตัวอย่างของชาติที่มีอำนาจใหม่ได้กระทำต่อชาติ ซึ่งหาอำนาจป้องกันมิได้

2. คือการจะรักษาบ้านเมืองให้พ้นภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นได้ ด้วยการปกครองของชาติบ้านเมืองอย่างมีอยู่ในปัตยุบันนี้ โดยทางยุติธรรมฤาอยุติธรรมของศัตรูก็ดี ต้องอาศัยความเปลี่ยนแปลงในทางทะนุบำรุงรักษาบ้านเมือง ตามทางญี่ปุ่นที่ได้เดินทางยุโรปมาแล้ว แลซึ่งประเทศทั้งปวงที่มีศิวิไลซ์ นับกันว่าเป็นทางอันเดียวที่จะรักษาบ้านเมืองได้

3. ที่จะจัดการตามข้อสองให้สำเร็จได้จริงนั้น อาจเป็นไปได้อย่างเดียวแต่จะตั้งพระราชหฤทัยว่า สรรพสิ่งทั้งปวงต้องจัดการให้เป็นไปโดยจริงอย่างอุกฤษฏ์ ทุกสิ่งทุกประการไม่ว่างเว้น...”
เมื่ออ่านดูเนื้อหาแล้ว ปรากฏว่า แรงและแหลมคมกว่าของกระผมอย่างเทียบกันไม่ติด ทั้งที่ในอดีตอยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ปัจจุบันอยู่ในระบอบรัฐธรรมนูญ

ดังนั้น การกล่าวหาต่างๆ และการว่ากล่าวโจมตีกระผมดังกล่าวข้างต้น นอกจากจะเป็นการลิดรอนพระราชอำนาจและทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ยังทำลายหรือปิดกั้นธรรมเนียมฎีกาอันเก่าแก่ดีงามสูงส่งของสถาบันพระมหากษัตริย์ และยังเป็นการปิดกั้นเสรีภาพของพสกนิกรในการถวายฎีกา อย่างไม่ได้เจตนาหรือโดยไม่รู้ตัว หรือไม่ได้ตั้งใจอีกด้วย

9. การขอพระบรมราชานุญาต กราบบังคมทูลขอพระบารมีปกเกล้าฯ ต่อปวงชนชาวไทย มิให้ถูกเข่นฆ่าโดยทหารบางคนในกองทัพ โดยคำสั่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมของรัฐบาลนั้น มิได้ตีตนไปก่อนไข้แต่อย่างใดทั้งสิ้น แต่ทหารบางคนโดยคำสั่งของรัฐบาล ได้เกิดการเข่นฆ่าประชาชนแล้วนับสิบๆ ศพ และด้วยคำสั่งรัฐบาลที่ผิดนี้ ยังเป็นเหตุให้ทหารเสียชีวิตประมาณ 5-6 ศพ และมีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้นกว่า 800 คน ซึ่งขัดต่อพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ในฐานะพระองค์ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ และองค์รัฏฐาธิปัตย์ และจอมทัพไทย ที่ทั้งรัฐบาลและทหารจะต้องขึ้นต่อพระองค์และเมื่อเกิดการบาดเจ็บล้มตายเสียเลือดเนื้อแล้ว รัฐบาลยังไม่หยุด ยังจะมีการเดินหน้าเข่นฆ่าปราบปรามประชาชนต่อไปอีก เพราะใช้มาตรการปราบปรามซึ่งเป็นมาตรการที่ผิด คือแทนที่จะไม่ใช้มาตรการทางการเมืองเป็นหลัก พร้อมกับการใช้มาตรการปราบปรามและมาตรการกฎหมายเป็นมาตรการประกอบ แต่รัฐบาลกลับใช้มาตรการกฎหมายและปราบปรามเป็นหลัก ไม่สนใจมาตรการทางการเมือง โดยสร้างประชาธิปไตยเป็นหลักในการแก้ปัญหาม็อบอันเป็นปรากฏการณ์ของระบอบเผด็จการรัฐสภา

เช่นเดียวกับนโยบาย 66/23 ที่แก้ปัญหาสงครามกลางเมืองสำเร็จในอดีต เมื่อรัฐบาลสั่งให้ทหารปฏิบัติมาตรการแก้ปัญหาม็อบที่ผิดจนเกิดการบาดเจ็บล้มตายทั้ง 2 ฝ่าย รัฐบาลกลับไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น แต่เตรียมการที่จะดำเนินการเข่นฆ่าประชาชนอีก กระผมจึงไม่มีทางเลือก เพราะเห็นว่าไม่มีสถาบันใดอีกแล้วที่จะสามารถหยุดยั้งได้ นอกจากสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันที่ทรงความยุติธรรมทางการเมืองเพียงสถาบันเดียวเท่านั้น และจะต้องยุติยับยั้งให้ทันต่อสถานการณ์ก่อนจะสายเกินการณ์ กระผมจึงตัดสินใจขอพระบารมีปกเกล้าฯให้แก่ประชาชนดังกล่าว อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง และไม่มีทางเลือกใดทั้งสิ้น

ใครคือผู้รับผิดชอบและใครกันแน่ที่ไม่รับผิดชอบ ใครผิดใครถูก ลองคิดดูด้วยจิตใจที่เที่ยงธรรมและมีคุณธรรม อย่ายึดแต่หลักนิติรัฐ แต่ไม่มีหลักนิติธรรม หรือจงถือธรรมเป็นอำนาจ อย่าถืออำนาจเป็นธรรม และขอยืนยันว่า กระผมเป็นหัวหน้าขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ เพื่อต่อสู้เอาชนะขบวนการเผด็จการรัฐสภา เผด็จการรัฐประหาร และเผด็จการทุกชนิด มิใช่หัวหน้าผู้ก่อการร้ายตามที่มีผู้ป้ายสีไว้แต่ประการใดทั้งสิ้น

พลเอก (ชวลิต ยงใจยุทธ)
22 เมษายน 2553

วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2553

สติ๊กเกอร์ฉาว"ทักษิณ"ประธานาธิบดีโผล่กลางม็อบแดง

ไพร่แดงเหิมเกริมหนัก แปะสติกเกอร์ “ทักษิณประธานาธิบดี รัฐไทยใหม่” เย้ยคนไทย


บรรยากาศบริเวณแยกสีลมเช้าวันนี้ (20 เม.ย) กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ส่วนหนึ่งกระจายกำลังมาปักหลักเตรียมรับมือเจ้าหน้าที่ โดยขนไม้ไผ่ที่เหลาปลายแหลมมากองไว้จำนวนมากมาย แถมเย้ยรัฐบาลและคนไทยทั้งประเทศด้วยการนำสติกเกอร์ “ทักษิณ ประธานาธิบดีรัฐไทยใหม่” มาแปะไว้ตามตู้โทรศัพท์สาธารณะทั่วถนนสีลม

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 เมษายน 2553 07:33 น.
-----------------

คนเสื้อแดง เปิดโต๊ะแถลงข่าว ไม่เกี่ยวสติ๊กเกอร์บ่อนทำลายชาติ ขณะที่ยืนยัน ไม่รู้จักชายชุดดำ

(20เม.ย.53)18.34น.แกนนำคนเสื้อแดง นำโดย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เปิดโต๊ะแถลงข่าว เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา โดยยืนยันว่า คนเสื้อแดงไม่มีความเกี่ยวข้องกับสติกเกอร์บ่อนทำลายชาติ ที่แพร่หลายออกมา พร้อมทั้ง ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า สติกเกอร์ดังกล่าว ออกมาในช่วงกลางดึก และ พบได้ย่านสีลมเท่านั้น ซึ่งช่วงเวลาที่มีผู้พบเห็นสติกเกอร์ดังกล่าว เป็นช่วงหลังจากที่กลุ่มทหารเข้ามายึดพื้นที่ ย่านสีลม หมดแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ ที่คนเสื้อแดงจะเข้าไปติดสติกเกอร์ดัง
กล่าว ขณะเดียวกัน อยากถามกลับไปด้วยว่า การที่ทหารออกมาที่สีลม เป็นการออกมากันพื้นที่ เพื่อให้กลุ่มบุคคลบางกลุ่ม ออกมาติดสติกเกอร์ หรือไม่

นอกจากนี้ กรณีชายชุดดำที่พูดกันมากนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า อยากให้ถาม นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ซึ่งตนเองได้โทรศัพท์พูดคุยด้วยในคืนวันที่ 10 เม.ย. เพื่อเจรจาให้ทหารหยุดยิง โดย นายกอร์ปศักดิ์ ยินดีที่จะสั่งให้ทหารหยุดยิง แต่ถามกลับมาว่า ยังมีการยิงเข้าใส่ทหารอยู่ต่อเนื่อง ซึ่งตนเองกล่าวตอบไปว่า ไม่ทราบว่าเป็นคนกลุ่มไหน หากต้องจัดการก็ดำเนินการได้เลย

ที่มา : สำนักข่าวINN
http://www.innnews.co.th/politic.php?nid=221900

วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2553

เหยื่อเมษา53ทมิฬเพิ่ม25ศพ

ยอดเหยื่อเมษาทมิฬเพิ่ม25ศพ


ศูนย์เอราวัณ แจ้งผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะ 10 เม.ย. เพิ่มอีก 1 ราย เสียชีวิตจากโรคประจำตัว โดยคณะแพทย์สรุปให้เป็นผู้เสียชีวิตจากเหตุวันที่ 10 เม.ย. เพราะส่งผลให้เกิดภาวะเหนื่อย โรคประจำตัวกำเริบและเกิดภาวะหายใจล้มเหลว

ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) สำนักการแพทย์ กรุงเทพฯ สรุปรายงานจำนวนตัวเลขผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิตจากเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน ล่าสุดเมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (18 เม.ย.) ระบุว่า ยอดรวมผู้บาดเจ็บ 865 คน แยกเป็นผู้บาดเจ็บ 840 คน ผู้เสียชีวิต 25 คน เพิ่มขึ้น 1 คน คือ นายมนต์ชัย แซ่จอง อายุ 54 ปี สำหรับผู้บาดเจ็บยังนอนรักษาตัวใน รพ. 134 คน จำนวนนี้รักษาตัวในหอผู้ป่วย 128 คน ผู้บาดเจ็บที่อยู่ห้องไอซียู 6 คน คือ รพ.พระมงกุฏเกล้า 2 คน รพ.กลาง รพ.รามาธิบดี รพ.ศิริราช และ รพ.พระรามเก้า แห่งละ 1 คน
นพ.พิชญา นาควัชระ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกลาง กล่าวถึงกรณี นายมนต์ชัย ซึ่งเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน ด้วยภาวะหายใจล้มเหลวจากโรคประจำตัวที่มีถุงลมโป่งพองเรื้อรัง และตับแข็ง หลังจากเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลกลางจากการถูกแก๊สน้ำตา จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน หลังจากคณะแพทย์ได้วินิจฉัยร่วมกัน จึงสรุปให้เป็นผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะสาเหตุดังกล่าวส่งผลต่อโรคประจำตัว ทำให้เกิดภาวะเหนื่อยและหายใจล้มเหลว โดยศพนี้ได้ส่งชันสูตรพลิกศพที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ พร้อมกับศพอื่น ๆ ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายนด้วย.-
---------
ญี่ปุ่นสุดอาลัย จัดพิธีศพให้ช่างภาพรอยเตอร์ส เหยื่อสลายม็อบ 10 เม.ย. บก.รอยเตอร์สเผย ไม่อยากให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้อีก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 18 เมษายนว่า บรรดาญาติและผู้เกี่ยวข้องกับนายฮิโรยูกิ มูราโมโต ช่างภาพข่าวของสำนักข่าวรอยเตอร์ส ที่เสียชีวิตระหว่างถ่ายภาพเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารและผู้ประท้วงในกรุงเทพฯ ได้จัดพิธีศพนายมูราโมโตแล้ว ท่ามกลางแขกเหรื่อที่ไปร่วมงานกว่าครึ่งพัน
รายงานข่าวเผยว่า มีผู้เดินทางไปเข้าร่วมพิธีศพที่จัดขึ้นในกรุงโตเกียวราว 500 คน โดยภายในงานมีการฉายภาพข่าวที่นายมูราโมโตเคยถ่ายไว้อยู่หน้าแท่นพิธีที่มีการติดภาพช่างภาพผู้ล่วงลับประดับด้วยดอกไม้อย่างสวยงาม ซึ่งมีทั้งภาพข่าวที่เคยถ่ายทะไล ลามะ ผู้นำจิตวิญญาณทิเบต และภาพข่าวการไปติดตามเหตุธรณีพิบัติภัยคลื่นยักษ์สึนามิซัดถล่มทั่วมหาสมุทรอินเดียเมื่อปี 2547

นายโทมุ อิโตะ ช่างภาพสถานีโทรทัศน์ในกรุงโตเกียว ที่ไปร่วมพิธีศพด้วย กล่าวคำไว้อาลัยที่หน้าแท่นพิธีว่า ตัวเองไม่อยากจะเชื่อหูเมื่อต้องเผชิญกับความช็อกอย่างสุดซึ้ง และความจริงที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้น

"คุณเป็นคนสำคัญ เป็นเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องคนสำคัญสำหรับผม ทำไมคุณถึงจากไปก่อนผม" นายอิโตะกล่าว

ขณะที่นายเดวิด ชเลซิงเกอร์ บรรณาธิการบริหารของรอยเตอร์ส ได้ขึ้นกล่าวคำไว้อาลัยเช่นกันว่า "เราไม่เคยต้องการให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นอีก" ก่อนจะเสริมว่า ภาพวิดีโอที่นายมูราโมโตถ่ายไว้ก่อนจะเสียชีวิตนั้นแสดงให้เหตุถึงความรับผิดชอบต่อภารกิจที่ได้รับมอบหมายของเขา ก่อนที่พิธีจะสิ้นสุดที่การนำศพไปเผาที่เมรุตามประเพณี

ทั้งนี้ นายฮิโระ มูราโมโต ทำงานกับรอยเตอร์สมานานกว่า 15 ปี ก่อนจะถูกยิงเข้าที่อกจนเสียชีวิตระหว่างเข้าไปเก็บภาพข่าวการจลาจลในกรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 คน