วันที่ 05 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 16:43:21 น. มติชนออนไลน์
"เมซไซอะฯ-ประจวบ สังขาว"ล้มละลาย ต้นตอคดียุบปชป. บริษัทเหลือแต่ห้องแถวร้าง งบดุลถึงแค่ปี47
ผู้สื่อข่าว มติชนออนไลน์ รายงานว่า วันที่ 5 สิงหาคม 2553 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คำพิพากษาให้ "บริษัท เมซไซอะบิซิเนสแอนด์ครีเอชั่นฯ -นายประจวบ สังขาว "ล้มละลาย ตาม คดีหมายเลขแดงที่ ล. 5781/2551 กองบังคับคดีล้มละลาย 1 ศาลล้มละลายกลาง กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม
ประกาศระบุว่า ด้วยคดีเรื่องนี้ ศาลล้มละลายกลาง ได้พิพากษาเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 ให้บริษัท เมซไซอะบิซิเนสแอนด์ครีเอชั่น จำกัด ที่ 1 นายประจวบ สังขาว ที่ 2 ลูกหนี้ ล้มละลายแล้ว
ลูกหนี้ที่ 1 ทะเบียนเลขที่ 0135543004256 (เดิมเลขที่ บอจ. ปท. 4427 ) อาชีพ ไม่ปรากฏอาชีพ มีสำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 108/12 หมู่ที่ 11 ซอย ก.ม. 27 ถนนพหลโยธิน ตำบลคูคตอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
ลูกหนี้ที่ 2 เลขประจำตัวประชาชน 3-1299-00270-89-8 เกิดเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2513 อาชีพ ไม่ปรากฏอาชีพ มีภูมิลำเนาอยู่เลขที่ 62/182 หมู่ที่ 3 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่กรุงเทพมหานคร ประกาศ ณ วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ลงนามในประกาศ โดยนาย นคร ชมบุญ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า บริษัท เมซไซอะฯ และนายประจวบ สังขาว" เจ้าของบริษัท เมซไซอะฯ เป็นกุญแจสำคัญในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งในคดี 29 ล้านและคดี 258 ล้าน
จากการตรวจสอบพบว่า บริษัท เมซไซอะฯจดทะเบียนด้วยทุน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 108/12 หมู่ที่ 11 ซอย กม.27 ถ.พหลโยธิน ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ประกอบกิจการรับจ้างผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ บริษัท เมซไซอะฯ ยื่นบัญชีงบดุล ต่อกรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์ ถึงปี 2547 จากนั้นก็ไม่เคยยื่นอีกเลย
จากการวิเคราะห์งบการเงินสิ้นสุดปี 2547 และ 2546 พบว่าบริษัทมีค่า อัตรากำไรสุทธิลดลงเหลือ 2.24 เปอร์เซ็นต์ในปี 2547 เมื่อเทียบกับที่เกิดขึ้นในปี 2546 จำนวน 2.54 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานด้านการทำกำไรที่ลดลง
ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวเดินทางลงไปตรวจสอบข้อมูลในพื้นที่พบว่า เป็นเพียงคูหาเล็กๆ ซึ่งได้ปิดกิจการไปนานแล้ว เมื่อดูจากลักษณะอาคารภายนอก จึงตั้งประเด็นว่าบริษัท เมซไซอะฯ อาจจะไม่เคยประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตสื่อสิ่งพิมพ์เลยก็เป็นได้ ?
และเป็นที่สงสัยมากขึ้น เมื่อ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เจ้าของบริษัท ทีพีไอ โพลีนฯ ยืนยันว่า ได้ว่าจ้างบริษัท เมซไซอะฯ ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้กับบริษัท ทีพีไอโพลีนฯ ด้วยเงินค่าจ้าง 258 ล้านบาท
ต่อมาเมื่อ นายประจวบ ได้นำเอาหลักฐานการโอนเงินค่าจ้างทำโฆษณาที่ บริษัท ทีพีไอโพลีนฯจ่ายให้ ซึ่งได้กระจายไปยังบัญชีของคนใกล้ชิดผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์หลายคน หลายครั้ง ครั้งละไม่เกิน 1.9 ล้านบาท มาแสดงต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษในช่วงที่ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง เป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จนทำให้มีการเชื่อมโยงประเด็นระหว่าง "ประชัย-ประจวบ-ประชาธิปัตย์" เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น และมีคำถามตามมาอย่างน่าสนใจ เช่น จงใจหลีกเลี่ยงการรายงานการทำธุรกรรมทางการเงิน 2 ล้านบาท ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หรือไม่?
นับตั้งแต่เปิดเผยเส้นทางการโอนเงินไปสู่คนใกล้ชิดผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ นายประจวบ ได้กลายเป็นกุญแจสำคัญในการเชื่อมระหว่าง "นายประชัย" กับ "พรรคประชาธิปัตย์"
ในระหว่างที่นายประจวบหายตัวอย่างลึกลับนายไทกร พลสุวรรณ อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เมซไซอะฯ ก็ออกมาเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลที่สำคัญอีกทางหนึ่งโดยนายไทกร ยืนยันกับนักข่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าบริษัท เมซไซอะฯ จะมีศักยภาพเพียงพอรับงานประชาสัมพันธ์มูลค่า 258 ล้านบาทจากบริษัท ทีพีไอโพลีนฯ ได้
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบ พบว่า บรรดากรรมการและผู้ถือหุ้นในบริษัท เมซไซอะฯ ต่างออกไปเปิดบริษัทใหม่ๆหลังจากที่นายประจวบ โอนเงินไปยังบุคคลต่างๆ 28 คน ระหว่างวันที่ 12 ธันวาคม 2547 - 4 กุมภาพันธ์ 2548 เช่น บริษัท ดีพ แอ็ด จำกัด ,บริษัท ไทย-ท๊อพเทอม ซิสเท็ม เซอร์วิส จำกัด เป็นต้น
โดยบริษัท ดีพ แอ็ด จำกัด จดทะเบียนตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2548 ,บริษัท ไทย-ท๊อพเทอมฯ จดทะเบียนตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2548
เฉพาะ 2 บริษัทนี้ กรรมการและผู้ถือหุ้น ต่างก็เป็นคนที่นายประจวบโอนเงินเข้าบัญชีให้ทั้งสิ้น เช่น นายปัญญา ประสงค์ ,น.ส.วลัยลักษณ์ ประสงค์ ,นายดิเรก ประสงค์ ,นายมานพ น้าสุวรรณ ,นายสวัสดิ์ สังขาว เป็นต้น
ทั้งนี้ เมื่อตามไปตรวจสอบยังที่ตั้งของทั้ง บริษัท ดีพ แอ็ด จำกัด และ บริษัท ไทย-ท๊อพเทอม ฯ พบว่า เป็นเพียงห้องเช่าเล็กๆบนแฟลตการเคหะแห่งชาติ แจ้งวัฒนะ สิ่งที่บ่งบอกว่าเป็นบริษัท มีเพียงป้ายที่ติดไว้หน้าประตูเท่านั้น
จากประเด็นทั้งหมดล้วนเป็นข้อพิรุธในความเชื่อมโยงระหว่าง บริษัท เมซไซอะบิซิเนสแอนด์ครีเอชั่นฯ -นายประจวบ สังขาว -นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์บางคน ?
วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553
สะพัดเงินอุดหนุน อบจ.ลงฐานเสียง"ภท."อื้อ
วันที่ 05 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 23:59:59 น. มติชนออนไลน์
สะพัดเงินอุดหนุน อบจ.ลงฐานเสียง"ภท."อื้อ แห่เร่ขายแลกหักค่าหัวคิว50% เชียงใหม่ได้งบฯซีอีโอ 4 ล้าน สะพัดเงินอุดหนุน อบจ.ลงฐานเสียง"ภท."อื้อ จว.เพื่อไทย-เสื้แดงกินแห้ว บางพรรคเร่ขายแลกหักค่าหัวคิว50% เชียงใหม่ได้งบฯซีอีโอ 4 ล้าน
ปูดงบฯเฉพาะกิจ อบจ.ลงถิ่น"ภท."
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า จากการตรวจสอบเอกสาร "การเพิ่ม" งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 ให้กับหน่วยงานต่างๆ หลังคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 พิจารณา "ปรับลด" งบฯจากหน่วยงานต่างๆ ลง รวมทั้งสิ้น 33,449 ล้านบาท เพื่อพิจารณางบฯเพิ่มให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่ากระทรวงมหาดไทย ได้รับงบฯเพิ่มมากที่สุดคือ 8,970 ล้านบาท โดยมี 3 กรมสังกัดกระทรวงมหาดไทย ที่ได้รับการจัดสรรงบฯเพิ่ม ประกอบด้วย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 20 ล้านบาท กรมโยธาธิการและผังเมือง 12 ล้านบาท และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) 8,142 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่า งบฯของ สถ. จำนวน 8,142 ล้านบาท นั้นถูกกระจายไปเป็นเงินอุดหนุนเฉพาะกิจให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในการก่อสร้างถนน และลาดยาง ที่น่าสังเกตคือ อบจ.ที่ได้รับการจัดสรรงบฯนั้น ส่วนใหญ่ที่ผู้บริหาร อบจ.มีความสนิทสนม คุ้นเคยเป็นอย่างดี กับคนของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และเป็นพื้นที่ฐานเสียงของพรรค ภท. ขณะที่ อบจ.ในพื้นที่ฐานเสียงพรรคเพื่อไทย (พท.) และพื้นที่ของกลุ่มเสื้อแดง จะไม่ได้รับการพิจารณา
ลำปาง2.4พันล.หวังดูดส.ส.พท.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวอย่าง อบจ.ที่ได้รับการจัดงบฯมาก เช่น 1.อบจ.ปทุมธานี ได้งบฯ 58,170,000 บาท เพื่อสร้างโครงการสวัสดิการการเรียนรู้ และสร้างถนน เนื่องจากนายชาญ พวงเพ็ชร์ นายก อบจ.ปทุมธานี เคยได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการบริหารพรรค ภท.แต่ตอนหลังลาออกเพราะกลัวขัดกฎหมาย แต่ประกาศตัวเป็นคนพรรค ภท.เต็มตัว 2.อบจ.พะเยา มีทั้งหมด 15 โครงการ ทุกโครงการระบุว่า "สร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก"มูลค่า 2,457 ล้านบาท ซึ่งมีถึง 8 โครงการที่ถูกนำไปลงในพื้นที่ อ.ดอกคำใต้
ซึ่งมีกระแสข่าวว่า ครอบครัว ตันบรรจ ที่เป็น ส.ส.พรรค พท. ใน จ.พะเยา กำลังถูกพรรค ภท.ทาบทามให้มาร่วมงานทางการเมือง 3.อบจ.ลพบุรี ได้รับงบฯ 304 ล้านบาท ทำ 16 โครงการ เนื่องจากนายสุบรรณ จิระพันธุ์วาณิช นายก อบจ.ลพบุรี เป็นสมาชิกพรรค ภท. 4.อบจ.เลย มี 10 โครงการ ทั้งซ่อมถนนและลาดยาง มูลค่า 163 ล้านบาท
ซึ่งคนตระกูล สังขทรัพย์ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรค ภท. 5.อบจ.สุรินทร์ พื้นที่สีน้ำเงินในการกำกับดูแลนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรค ภท.ได้งบฯไปทำ 9 โครงการซ่อมสร้างผิวถนน มูลค่า 140 ล้านบาท ทั้งนี้ งบฯส่วนใหญ่นอกจากจะนำไปลงในพื้นที่ของพรรค ภท.เป็นหลักแล้ว มีอีกไม่ถึง 10 จังหวัดที่ได้รับการจัดสรรงบฯ อาทิ สุราษฎร์ธานี, กระบี่, ยะลา, อุบลราชธานี, นครพนม, นครราชสีมา และ ศรีสะเกษ
งบฯผู้ว่าซีอีโอฐาน"ภท."ได้อื้อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนงบฯจังหวัดและกลุ่มจังหวัด (75 จังหวัด 18 กลุ่ม) หรือที่เรียกว่า งบฯผู้ว่าซีอีโอ จำนวน 1,223 ล้านบาท ที่กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแล ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่จังหวัดที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพรรค ภท. อาทิ จ.ราชบุรี พื้นที่ของนายสรอรรถ กลิ่นประทุม และนายบุญลือ ประเสริฐโสภา อดีต ส.ส.ราชบุรี ที่เคยอยู่พรรคพลังประชาชน (พปช.) แต่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองและมาสังกัดพรรค ภท. ได้งบฯ 48 ล้านบาท จ.ขอนแก่น 50 ล้านบาท พื้นที่นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม จ.ศรีสะเกษ ฐานเสียงสำคัญของพรรค ภท. 90 ล้านบาท จ.กาฬสินธุ์ 71 ล้านบาท จ.ยโสธร 65 ล้านบาท
"ขณะที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่ และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาคเหนือ แต่ถูกมองว่าเป็นพื้นที่ของกลุ่มคนเสื้อแดงและฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ได้รับงบฯเพียงแค่ 4 ล้านบาท เช่นเดียวกับ จ.ชลบุรี ที่ถูกมองว่าเป็นพื้นที่สีแดง ได้รับงบฯแค่ 7 ล้านบาทเท่านั้น ทั้งที่สองจังหวัดดังกล่าวเป็นจังหวัดเศรษฐกิจของไทย ที่ไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นแม้แต่บาทเดียว"
แฉเร่ขายงบฯอบจ.หักหัวคิว50%
กมธ.งบประมาณรายหนึ่ง สังกัดพรรคร่วมรัฐบาล ระบุว่า ถือว่าเป็นการจัดสรรงบฯเพื่อช่วยเหลือ ส.ส. เพื่อเตรียมไว้ใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่เท่าที่ทราบในส่วนของพรรคการเมืองหนึ่ง ค่าคอมมิสชั่นจากการทำโครงการต่างๆ จะถูกนำมาเก็บไว้เป็นกองกลาง นอกจากนั้น ยังพบว่ามีการนำงบฯลงไปช่วยเหลือ ส.ส.ในพื้นที่ของพรรคคู่แข่ง เพื่อเป็นการโน้มน้าวใจหรือดึงตัวให้เข้ามาร่วมทำงานกับพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเสียงกล่าวหากันด้วยว่ามีการนำงบประมาณไปเร่ขายให้กับ อบจ.บางแห่ง โดยขอหักค่าหัวคิวมากถึง 40-50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อนำเงินมาสนับสนุนการดำเนินการของพรรคด้วย
สะพัดเงินอุดหนุน อบจ.ลงฐานเสียง"ภท."อื้อ แห่เร่ขายแลกหักค่าหัวคิว50% เชียงใหม่ได้งบฯซีอีโอ 4 ล้าน สะพัดเงินอุดหนุน อบจ.ลงฐานเสียง"ภท."อื้อ จว.เพื่อไทย-เสื้แดงกินแห้ว บางพรรคเร่ขายแลกหักค่าหัวคิว50% เชียงใหม่ได้งบฯซีอีโอ 4 ล้าน
ปูดงบฯเฉพาะกิจ อบจ.ลงถิ่น"ภท."
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า จากการตรวจสอบเอกสาร "การเพิ่ม" งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 ให้กับหน่วยงานต่างๆ หลังคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 พิจารณา "ปรับลด" งบฯจากหน่วยงานต่างๆ ลง รวมทั้งสิ้น 33,449 ล้านบาท เพื่อพิจารณางบฯเพิ่มให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่ากระทรวงมหาดไทย ได้รับงบฯเพิ่มมากที่สุดคือ 8,970 ล้านบาท โดยมี 3 กรมสังกัดกระทรวงมหาดไทย ที่ได้รับการจัดสรรงบฯเพิ่ม ประกอบด้วย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 20 ล้านบาท กรมโยธาธิการและผังเมือง 12 ล้านบาท และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) 8,142 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่า งบฯของ สถ. จำนวน 8,142 ล้านบาท นั้นถูกกระจายไปเป็นเงินอุดหนุนเฉพาะกิจให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในการก่อสร้างถนน และลาดยาง ที่น่าสังเกตคือ อบจ.ที่ได้รับการจัดสรรงบฯนั้น ส่วนใหญ่ที่ผู้บริหาร อบจ.มีความสนิทสนม คุ้นเคยเป็นอย่างดี กับคนของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และเป็นพื้นที่ฐานเสียงของพรรค ภท. ขณะที่ อบจ.ในพื้นที่ฐานเสียงพรรคเพื่อไทย (พท.) และพื้นที่ของกลุ่มเสื้อแดง จะไม่ได้รับการพิจารณา
ลำปาง2.4พันล.หวังดูดส.ส.พท.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวอย่าง อบจ.ที่ได้รับการจัดงบฯมาก เช่น 1.อบจ.ปทุมธานี ได้งบฯ 58,170,000 บาท เพื่อสร้างโครงการสวัสดิการการเรียนรู้ และสร้างถนน เนื่องจากนายชาญ พวงเพ็ชร์ นายก อบจ.ปทุมธานี เคยได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการบริหารพรรค ภท.แต่ตอนหลังลาออกเพราะกลัวขัดกฎหมาย แต่ประกาศตัวเป็นคนพรรค ภท.เต็มตัว 2.อบจ.พะเยา มีทั้งหมด 15 โครงการ ทุกโครงการระบุว่า "สร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก"มูลค่า 2,457 ล้านบาท ซึ่งมีถึง 8 โครงการที่ถูกนำไปลงในพื้นที่ อ.ดอกคำใต้
ซึ่งมีกระแสข่าวว่า ครอบครัว ตันบรรจ ที่เป็น ส.ส.พรรค พท. ใน จ.พะเยา กำลังถูกพรรค ภท.ทาบทามให้มาร่วมงานทางการเมือง 3.อบจ.ลพบุรี ได้รับงบฯ 304 ล้านบาท ทำ 16 โครงการ เนื่องจากนายสุบรรณ จิระพันธุ์วาณิช นายก อบจ.ลพบุรี เป็นสมาชิกพรรค ภท. 4.อบจ.เลย มี 10 โครงการ ทั้งซ่อมถนนและลาดยาง มูลค่า 163 ล้านบาท
ซึ่งคนตระกูล สังขทรัพย์ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรค ภท. 5.อบจ.สุรินทร์ พื้นที่สีน้ำเงินในการกำกับดูแลนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรค ภท.ได้งบฯไปทำ 9 โครงการซ่อมสร้างผิวถนน มูลค่า 140 ล้านบาท ทั้งนี้ งบฯส่วนใหญ่นอกจากจะนำไปลงในพื้นที่ของพรรค ภท.เป็นหลักแล้ว มีอีกไม่ถึง 10 จังหวัดที่ได้รับการจัดสรรงบฯ อาทิ สุราษฎร์ธานี, กระบี่, ยะลา, อุบลราชธานี, นครพนม, นครราชสีมา และ ศรีสะเกษ
งบฯผู้ว่าซีอีโอฐาน"ภท."ได้อื้อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนงบฯจังหวัดและกลุ่มจังหวัด (75 จังหวัด 18 กลุ่ม) หรือที่เรียกว่า งบฯผู้ว่าซีอีโอ จำนวน 1,223 ล้านบาท ที่กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแล ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่จังหวัดที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพรรค ภท. อาทิ จ.ราชบุรี พื้นที่ของนายสรอรรถ กลิ่นประทุม และนายบุญลือ ประเสริฐโสภา อดีต ส.ส.ราชบุรี ที่เคยอยู่พรรคพลังประชาชน (พปช.) แต่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองและมาสังกัดพรรค ภท. ได้งบฯ 48 ล้านบาท จ.ขอนแก่น 50 ล้านบาท พื้นที่นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม จ.ศรีสะเกษ ฐานเสียงสำคัญของพรรค ภท. 90 ล้านบาท จ.กาฬสินธุ์ 71 ล้านบาท จ.ยโสธร 65 ล้านบาท
"ขณะที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่ และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาคเหนือ แต่ถูกมองว่าเป็นพื้นที่ของกลุ่มคนเสื้อแดงและฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ได้รับงบฯเพียงแค่ 4 ล้านบาท เช่นเดียวกับ จ.ชลบุรี ที่ถูกมองว่าเป็นพื้นที่สีแดง ได้รับงบฯแค่ 7 ล้านบาทเท่านั้น ทั้งที่สองจังหวัดดังกล่าวเป็นจังหวัดเศรษฐกิจของไทย ที่ไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นแม้แต่บาทเดียว"
แฉเร่ขายงบฯอบจ.หักหัวคิว50%
กมธ.งบประมาณรายหนึ่ง สังกัดพรรคร่วมรัฐบาล ระบุว่า ถือว่าเป็นการจัดสรรงบฯเพื่อช่วยเหลือ ส.ส. เพื่อเตรียมไว้ใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่เท่าที่ทราบในส่วนของพรรคการเมืองหนึ่ง ค่าคอมมิสชั่นจากการทำโครงการต่างๆ จะถูกนำมาเก็บไว้เป็นกองกลาง นอกจากนั้น ยังพบว่ามีการนำงบฯลงไปช่วยเหลือ ส.ส.ในพื้นที่ของพรรคคู่แข่ง เพื่อเป็นการโน้มน้าวใจหรือดึงตัวให้เข้ามาร่วมทำงานกับพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเสียงกล่าวหากันด้วยว่ามีการนำงบประมาณไปเร่ขายให้กับ อบจ.บางแห่ง โดยขอหักค่าหัวคิวมากถึง 40-50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อนำเงินมาสนับสนุนการดำเนินการของพรรคด้วย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)